สโมสรฟุตบอลแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดในฤดูกาล 1987–88
ฤดูกาล 1987–88 เป็นฤดูกาลที่ 86 ของ แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด ใน ฟุตบอลลีก และเป็นฤดูกาลที่ 13 ติดต่อกันในลีกสูงสุดของฟุตบอลอังกฤษ[1] ฤดูกาลนี้ประสบความสำเร็จพอสมควร โดยยูไนเต็ดจบรองแชมป์ในลีก แต่พวกเขาไม่ได้เล่นในยูฟ่าคัพในฤดูกาลถัดมา เนื่องจากสโมสรจากอังกฤษถูกห้ามไม่ให้ลงเล่นในฟุตบอลสโมสรยุโรปหลังจากภัยพิบัติเฮย์เซล พวกเขาจบฤดูกาลด้วยการตามหลังลิเวอร์พูล ทีมแชมป์ซึ่งแพ้เพียงสองนัดตลอดทั้งฤดูกาลถึง 9 แต้ม นัดที่น่าจดจำที่สุดของฤดูกาล เกิดขึ้นที่แอนฟีลด์ ก่อนที่ลิเวอร์พูลจะคว้าแชมป์ลีก เมื่อยูไนเต็ดตามหลัง 1–3 ในครึ่งแรกแต่พวกเขาก็สู้กลับจนเสมอกัน 3–3 ทำให้ลิเวอร์พูลคว้าเพียงแต้มเดียว ส่งผลให้การคว้าแชมป์ลีกยังต้องลุ้นต่อในนัดถัดไป ทีมปีศาจแดงแพ้เพียง 5 นัดจาก 40 นัดในลีก และแพ้เพียงนัดเดียวที่โอลด์แทรฟฟอร์ด อย่างไรก็ตาม ผลเสมอกับทีมเล็กอย่างชาร์ลตันแอทเลติกและลูตันทาวน์ทำให้พวกเขาเก็บแต้มได้ไม่เพียงพอ และไม่สามารถท้าทายลิเวอร์พูลในการลุ้นแชมป์ได้อย่างจริงจัง ถือเป็นฤดูกาลแรกของอเล็กซ์ เฟอร์กูสันที่คุมทีมยูไนเต็ดแบบเต็มฤดูกาล และเป็นฤดูกาลแรกที่สโมสรได้เซ็นสัญญากับนักเตะใหม่อย่างไบรอัน แมคแคลร์ (ซึ่งจบฤดูกาลด้วยการเป็น 1 ในผู้ทำประตูสูงสุดของดิวิชัน 1 ด้วยจำนวน 24 ประตู) และวิฟ แอนเดอร์สัน ในเดือนธันวาคม ยูไนเต็ดประสบความสำเร็จในการดึงตัวสตีฟ บรูซ เซ็นเตอร์แบ็กและกัปตันทีมนอริชซิตีมาสู่ทีมด้วยค่าตัว 900,000 ปอนด์ แทนที่เทอร์รี บุตเชอร์ เซ็นเตอร์แบ็กทีมชาติอังกฤษของเรนเจอส์ ที่ได้รับบาดเจ็บขาหัก หลังจบฤดูกาล เฟอร์กูสันดึงตัวมาร์ก ฮิวส์กลับมาสู่ถิ่นโอลด์แทรฟฟอร์ดจากบาร์เซโลนาด้วยค่าตัว 1.8 ล้านปอนด์ ซึ่งถือเป็นสถิติค่าตัวนักเตะสูงสุดของสโมสรในขณะนั้น เขาเสริมทัพด้วยการคว้าตัวจิม เลห์ตัน ผู้รักษาประตูซึ่งเคยร่วมงานกับเฟอร์กูสันที่แอเบอร์ดีนเข้ามาเป็นผู้รักษาประตูมือหนึ่งคนใหม่ของทีมแทนที่คริส เทิร์นเนอร์ ด้วยค่าตัว 500,000 ปอนด์ เขาพยายามเซ็นสัญญากับพอล แกสคอยน์ กองกลางดาวรุ่งของนิวคาสเซิลยูไนเต็ด และสัญญาตกลงกันเรียบร้อยแล้ว แต่ในขณะที่เฟอร์กูสันอยู่ในช่วงพักร้อน แกสคอยน์กลับเซ็นสัญญากับทอตนัมฮอตสเปอร์ ด้วยค่าตัว 2 ล้านปอนด์ ซึ่งถือเป็นสถิติค่าตัวนักเตะที่สูงที่สุดของสโมสรฟุตบอลจากอังกฤษในเวลานั้น[2] ฤดูกาลนี้ถือเป็นฤดูกาลสุดท้ายของเควิน มอรัน กองหลังที่รับใช้สโมสรมายาวนาน ซึ่งถูกขายให้กับเอสปอร์ตินเดฆิฆอน หลังจากเสียตำแหน่งตัวจริงในทีมให้กับสตีฟ บรูซ เรมี โมเสสลงเล่นนัดสุดท้ายให้กับสโมสรก่อนที่อาการบาดเจ็บอย่างเรื้อรังบีบให้เขาต้องแขวนสตั๊ดเมื่ออายุเพียง 28 ปี เหตุการณ์ในฤดูกาลแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดเริ่มต้นฤดูกาล 1987–88 (เป็นการคุมทีมแบบเต็มฤดูกาลเป็นฤดูกาลแรกของอเล็กซ์ เฟอร์กูสัน) ด้วยการเซ็นสัญญากับกองหลังอย่างวิฟ แอนเดอร์สัน ฟูลแบ็กจอมเก๋าจากอาร์เซนอล และไบรอัน แมคแคลร์ กองหน้าตัวเก่งจากเซลติก ขณะที่แฟรงค์ สเตเปิลตันและเทอร์รี่ กิบสันต่างกำลังจะก้าวออกจากโอลด์แทรฟฟอร์ด แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดเริ่มต้นฤดูกาลด้วยการเสมอกับเซาแทมป์ตัน 2-2 ที่เดอะเดล โดยนอร์มัน ไวต์ไซด์เป็นผู้ทำประตูให้ยูไนเต็ดทั้ง 2 ประตู ส่วนแดนนี วอลเลซ ปีกความเร็วสูงของเซาแทมป์ตันก็เป็นผู้ทำประตูให้กับทีมเจ้าบ้านทั้ง 2 ประตู (หลังจากนั้น 2 ปี เฟอร์กูสันก็ตัดสินใจซื้อวอลเลซมาร่วมทีมในฤดูกาล 1989-90)[3][4] ไบรอัน ร็อบสันโดนใบแดงเมื่อวันที่ 29 สิงหาคมในนัดที่แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดบุกไปชนะชาร์ลตันแอทเลติก 3–1 ที่เดอะแวลลีย์ ในเกมลีกนัดที่ 4 ของฤดูกาล ทำให้พวกเขาขยับขึ้นมาอยู่อันดับ 5 ของตาราง[4][5] 18 กันยายน 1987: แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดยังพยายามเซ็นสัญญากับแอนดี โจนส์กองหน้าชาวเวลส์ของพอร์ทเวล แต่โจนส์กลับเลือกที่จะเซ็นสัญญากับชาร์ลตันแอทเลติกด้วยค่าตัว 300,000 ปอนด์ แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมในฤดูกาลนี้ ต่อยอดความสำเร็จที่พวกเขาสามารถไต่ขึ้นมาอยู่กลางตารางจากท้ายตารางหลังจากการแต่งตั้งอเล็กซ์ เฟอร์กูสันเมื่อฤดูกาลก่อน กลายเป็นทีมท็อป 5 ท้าทายความยิ่งใหญ่ของลิเวอร์พูลทีมแชมป์เก่า อเล็กซ์ เฟอร์กูสันต้องการเซ็นสัญญาคว้าตัวมาร์ก ฮิวส์ซึ่งล้มเหลวในการเล่นให้กับบาร์เซโลนา และกำลังจะเซ็นสัญญาถาวรกับไบเอิร์นมิวนิกหลังจากทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมในช่วงที่ถูกยืมตัวไปเล่นที่โอลึมพีอาชตาดีอ็อน[4] เขาหวังที่จะเซ็นสัญญากับเทอร์รี บุตเชอร์ เซ็นเตอร์แบ็กของเรนเจอส์และทีมชาติอังกฤษ แต่ดีลนี้ล้มเหลวเมื่อเกรอัม ซูนิสส์ ผู้จัดการทีมเรนเจอส์ในขณะนั้นเสนอสัญญาฉบับใหม่ให้เขาอยู่ที่ไอบร็อกซ์จนถึงปี 1993 อย่างน้อย[4] อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน พยายามทุ่มเงิน 750,000 ปอนด์เพื่อคว้าตัวสตีฟ บรูซ เซ็นเตอร์แบ็กและกัปตันทีมนอริชซิตี แต่ข้อเสนอถูกปฏิเสธ เฟอร์กูสันหันความสนใจกลับมาหาบรูซหลังจากล้มเหลวในการคว้าตัวเทอร์รี บุตเชอร์ โดยที่บรูซแต่เดิมมีค่าตัว 1 ล้านปอนด์ซึ่งนอริชตั้งราคาไว้[4] ข้อเสนอที่ 2 เพื่อคว้าตัวบรูซ – มีรายงานว่าอยู่ที่ประมาณ 850,000 ปอนด์ – แต่ถูกปฏิเสธอีกครั้ง[4] บรูซเซ็นสัญญากับทีมปีศาจแดงเมื่อวันที่ 18 ธันวาคม ด้วยค่าตัว 900,000 ปอนด์และยึดตำแหน่งเซ็นเตอร์แบ็กตัวจริง[4] เฟอร์กูสันพยายามเสริมทัพด้วยการทุ่มคว้าตัวมิก ฮาร์ฟอร์ดกองหน้าลูตันทาวน์ แต่ฮาร์ฟอร์ดตัดสินใจปฏิเสธข้อเสนอดังกล่าวหลังจากเรย์ ฮาร์ฟอร์ด ผู้จัดการทีมลูตันทาวน์ในขณะนั้นเสนอสัญญาฉบับใหม่อีก 4 ปีให้เขา[4] เมื่อวันที่ 10 มกราคม 1988 แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดเริ่มต้นเส้นทางในเอฟเอคัพด้วยการบุกชนะอิปสวิชทาวน์ 2–1 ในรอบที่ 3 ที่สนามพอร์ตแมนโรด[4] 10 วันต่อมา ความหวังในการคว้าแชมป์ฟุตบอลลีกคัพเป็นสมัยแรกของพวกเขาต้องจบลงเมื่อพ่ายออกซฟอร์ดยูไนเต็ด 0–2 ในรอบก่อนรองชนะเลิศ[3] ปลายเดือนนั้น พวกเขาผ่านเข้าสู่รอบห้าของเอฟเอคัพด้วยชัยชนะ 2–0 ในบ้านเหนือเชลซี[3] อย่างไรก็ตามเส้นทางในถ้วยเอฟเอคัพของพวกเขาจบลงในวันที่ 20 กุมภาพันธ์เมื่อพวกเขาพ่ายต่ออาร์เซนอล 1–2 ที่อาร์เซนอลสเตเดียมหรือไฮบิวรีในรอบที่ 5 ไบรอัน แมคแคลร์ ผู้ทำประตูสูงสุดของสโมสรพลาดจุดโทษในช่วงท้ายเกมซึ่งทำให้พวกเขาพลาดการแข่งขันนัดรีเพลย์ นอร์มัน ไวต์ไซด์ ซึ่งค้าแข้งกับแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดมา 7 ปี ขออำลาสโมสรเมื่อใกล้สิ้นเดือนมีนาคม และพูดถึงความปรารถนาที่จะเล่นฟุตบอลในต่างประเทศ[4] เมื่อวันที่ 4 เมษายน แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด เสมอกับลิเวอร์พูล 3–3 ที่แอนฟิลด์อย่างน่าทึ่งในศึกแดงเดือด ซึ่งลิเวอร์พูลขึ้นนำ 3–1 ในครึ่งแรก แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ตามหลังลิเวอร์พูล 11 คะแนน โดยที่ลิเวอร์พูลยังมีโปรแกรมเหลืออีก 2 นัด ลิเวอร์พูล คว้าแชมป์ดิวิชัน 1 ฤดูกาล 1987–88 ภายในเวลา 3 สัปดาห์หลังจากเกมนัดนี้ แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด จึงคว้าตำแหน่งรองแชมป์ 2 สัปดาห์ต่อมาคือวันที่ 18 เมษายน เฟอร์กูสันเซ็นสัญญาคว้าตัวลี ชาร์ป ปีกซ้ายดาวรุ่งของทอร์คีย์ยูไนเต็ด วัยเพียง 16 ปี มาร่วมทีมด้วยค่าตัวเพียง 200,000 ปอนด์ หลังจากจบฤดูกาล เฟอร์กูสันซื้อมาร์ก ฮิวส์กลับมาที่แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดด้วยราคา 1.8 ล้านปอนด์ ซึ่งถือเป็นสถิติของสโมสรในขณะนั้น และยังเซ็นสัญญากับจิม เลห์ตัน ผู้รักษาประตูทีมชาติสกอตแลนด์ของแอเบอร์ดีนเข้ามาเป็นผู้รักษาประตูมือหนึ่งของสโมสรด้วยค่าตัว 500,000 ปอนด์ พอล แกสคอยน์ กองกลางดาวรุ่งของนิวคาสเซิลยูไนเต็ด หวังที่จะย้ายไปร่วมทีมแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด แต่จากนั้นก็ปฏิเสธพวกเขาและย้ายไปร่วมทีมทอตนัมฮอตสเปอร์ ด้วยค่าตัว 2 ล้านปอนด์ ซึ่งถือเป็นสถิติของอังกฤษในขณะนั้น ทีมผู้รักษาประตูกองหลังกองกลางกองหน้าหมายเหตุ
ซื้อขายย้ายเข้า
ย้ายออก
อ้างอิง
|
Portal di Ensiklopedia Dunia