สาวปากฉีก

คูจิซาเกะ-อนนะ (สาวปากฉีก) ในฉากจาก เอฮงซาโยชิงูเระ โดยฮายามิ ชุงเงียวไซ, ค.ศ. 1801

คูจิซาเกะ-อนนะ (ญี่ปุ่น: 口裂け女โรมาจิKuchisake-onna; 'สาวปากฉีก'; อังกฤษ: Slit-Mouthed Woman)[1] เป็นบุคคลชั่วร้ายในตำนานและคติชนญี่ปุ่นที่ได้รับการอธิบายเป็นวิญญาณร้าย หรือ อนเรียว ของผู้หญิง เธอมักคลุมหน้าบางส่วนด้วยหน้ากากหรือสิ่งของอื่น และถือกรรไกร มีด หรือของมีคมอื่น ๆ ผู้คนมักอธิบายถึงเธอบ่อยครั้งว่ามีความสูงประมาณ 175-180 ซม. อย่างไรก็ตาม บางคนเชื่อว่าเธอมีความสูงถึง 8 ฟุต มีผมตรงยาวสีดำ มือสีขาว ผิวซีด และถือว่าสวยในด้านอื่นๆ (ยกเว้นรอยแผลเป็นของเธอ) เธอมักได้รับการอธิบายเป็นโยไกร่วมสมัย[1][2]

ตามตำนานเล่าขานกันว่า เธอจะถามผู้ที่อาจตกเป็นเหยื่อให้คิดว่าเธอสวยหรือไม่ ถ้าตอบ "ไม่" เธอจะฆ่าพวกเขาด้วยกรรไกรแพทย์ยาวของเธอที่จุดเกิดเหตุ หรือจะรอจนถึงพลบค่ำแล้วฆ่าพวกเขาขณะนอนหลับ ถ้าตอบ "ใช่" เธอจะเปิดเผยให้เห็นมุมปากที่ฉีกถึงหู และจะถามคำถามนั้นอีกครั้ง ถ้าตอบ "ไม่" เธอจะฆ่าด้วยอาวุธของเธอ และถ้าตอบ "ใช่" อย่างลังเล เธอจะตัดมุมปากของพวกเขาในลักษณะที่คล้ายกับรูปหน้าของเธอเอง วิธีที่สามารถใช้เพื่อเอาชีวิตรอดจากการเผชิญหน้ากับคูจิซาเกะ-อนนะ ได้แก่ การตอบคำถามของเธอโดยบรรยายลักษณะภายนอกของเธอว่า "ธรรมดา"[3]

ตำนานคูจิซาเกะ-อนนะมีบันทึกตั้งแต่คริสต์ศตวรรษที่ 17 ถึง 19 ในยุคเอโดะของญี่ปุ่น[1] เรื่องราวนี้ได้รับความสนใจอีกครั้งในญี่ปุ่นช่วงคริสต์ทศวรรษ 1970 เมื่อหนังสือพิมพ์และนิตยสารหลายฉบับรายงานเกี่ยวกับตำนานนี้ และข่าวลือเกี่ยวกับเรื่องนี้ก็แพร่กระจายไปทั่วประเทศ ทำให้เด็กนักเรียนต้องเดินกลับบ้านกับผู้ใหญ่เป็นกลุ่ม ๆ[2][4]

ตำนานและรูปแบบต่าง ๆ

แผนผังบทสนทนาที่เป็นไปได้กับคูจิชิซาเกะ-อนนะและผลที่ตามมาตามตำนาน

ตามตำนาน คูจิซาเกะ-อนนะเป็นสตรีที่ถูกทำให้เสียโฉมตอนที่มีชีวิตด้วยปากที่ถูกกรีดจากหูข้างหนึ่งถึงหูอีกข้าง ในบางฉบับ คูจิซาเกะ-อนนะเป็นภรรยาที่ผิดประเวณีหรือภรรยาลับของซามูไรตอนที่ยังมีชีวิตอยู่[5][6] เธอเริ่มเหงาเนื่องจากซามูไรมักจะออกรบนอกบ้าน และเริ่มมีสัมพันธ์กับผู้คนในเมือง เมื่อซามูไรได้ยินเรื่องนี้ เขาก็โกรธมาก สามีของเธอจึงเฉือนมุมปากของเธอจากหูถึงหูเพื่อเป็นการลงโทษฐานที่เธอไม่ซื่อสัตย์[5][6] ในเรื่องเล่าอีกฉบับ ปากของเธอถูกทำให้เสียโฉมขณะทำทันตกรรมหรือทางการแพทย์ หรือโดยผู้หญิงที่อิจฉาในความงามของเธอ ในเรื่องราวอีกแบบหนึ่ง ปากของเธอเต็มไปด้วยฟันแหลมคมจำนวนมาก[7]

หลังเสียชีวิต สตรีผู้นั้นกลับมาเป็นวิญญาณอาฆาต (อนเรียว) ในฐานะ อนเรียว เธอปิดปากด้วยหน้ากากผ้า (มักระบุเฉพาะเจาะจงเป็นหน้ากากอนามัย) หรือในบางฉบับระบุเป็นพัดโบกหรือผ้าเช็ดหน้า[1] เธอพกของมีคมติดตัวไปด้วย ซึ่งได้รับคำอธิบายว่าอาจเป็นมีด มีดพร้า เคียว หรือกรรไกรขนาดใหญ่[7] เธอได้รับการอธิบายว่ามีความเร็วเหนือธรรมชาติด้วย[8] กล่าวกันว่าเธอจะถามผู้ที่อาจเป็นเหยื่อว่าพวกเขาคิดว่าเธอมีเสน่ห์หรือไม่ ซึ่งมักจะใช้วลีว่า "วาตาชิ, คิเร?" (ญี่ปุ่น: 私、綺麗?โรมาจิWatashi, kirei)[a] (แปลว่า "ฉันสวยไหม?")[1] ถ้าบุคคลนั้นตอบว่า "ไม่" เธอจะฆ่าพวกเขาด้วยอาวุธของเธอ และถ้าบุคคลนั้นตอบว่า "ใช่" เธอจะเปิดปากที่ทำให้เสียโฉม จากนั้นจึงถามซ้ำอีกครั้ง (หรือถามว่า "โคเระ เดโมะ?" ซึ่งแปลว่า "แม้แต่สภาพนี้หรอ?" หรือ "แล้วตอนนี้หล่ะ?") และถ้าบุคคลนั้นตอบว่า "ไม่" หรือกรีดร้องด้วยความกลัว เธอจะสังหารคนั้นด้วยอาวุธของเธอ[1] ถ้าตอบว่า "ใช่" เธอจะเฉือนมุมปากของคนนั้นตั้งแต่หูข้างหนึ่งถึงอีกข้าง คล้ายกับใบหน้าที่เสียโฉมของเธอเอง[1][9]

วิธีการเอาชีวิตรอดจากการเผชิญหน้ากับคูจิซาเกะ-อนนะใช้ได้ด้วยหนึ่งในหลายวิธี ในบางตำนาน คูจิซาเกะ-อนนะจะปล่อยผู้ที่อาจตกเป็นเหยื่อถ้าพวกเขาตอบว่า "ใช่" กับทั้งสองคำถาม แม้ว่าในบางฉบับ เธอจะไปเยี่ยมบ้านของผู้ที่ถูกถามในคืนนั้น และฆ่าบุคคลนั้นขณะนอนหลับ[1][2] กลวิธีอีกอย่างหนึ่งคือการบอกว่าบุคคลนั้นกำลังสาย และเธอจะโค้งคำนับและขอโทษเพื่อให้บุคคลนั้นผ่านไปได้ กลวิธีเอาตัวรอดอื่น ๆ ได้แก่ การตอบคำถามของคูจิซาเกะ-อนนะโดยบรรยายลักษณะภายนอกของเธอว่า "ก็พอใช้ได้" เพื่อให้บุคคลนั้นมีเวลามากพอที่จะวิ่งหนี[2][7] ทำให้เธอไขว้เขวด้วยการให้เงินเธอหรือลูกกวาด โดยเฉพาะลูกกวาดที่มีชื่อว่าเบ็กโกะอาเมะ [ja] ที่ทำจากน้ำตาลคาราเมล (หรือโยนลูกอมไปทางเธอ ทำให้เธอหยุดเพื่อหยิบมันขึ้นมา)[1][2][10] หรือพูดคำว่า "ยาขี้ผึ้งใส่ผม" สามครั้ง[2][11]

ประวัติ

แมทธิว เมเยอร์ (Matthew Meyer) นักเขียนและนักคติชนวิทยา กล่าวถึงตำนานคูจิซาเกะ-อนนะว่ามีรากฐานถึงยุคเอโดะของญี่ปุ่น ซึ่งอยู่ในช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 17 ถึง 19[1] แต่อีกูระ โยชิยูกิ ศาสตราจารย์ด้านวรรณคดีญี่ปุ่น เชื่อว่าตำนานนี้มีอายุถึงเพียงคริสต์ทศวรรษ 1970[3]

ตำนานคูจิซาเกะ-อนนะในเอกสารตีพิมพ์สืบได้ถึง ค.ศ. 1979 มีการรายงานถึงตำนานนี้ในสื่อสิงพิมพ์หลายแห่ง เช่น ใน กิฟุนิจินิจิชิมบุง หนังสือพิมพ์ของจังหวัดกิฟุ ฉบับวันที่ 26 มกราคม ค.ศ. 1979 สื่อสิ่งพิมพ์รายสัปดาห์ ชูกังอาซาฮิ ฉบับวันที่ 23 มีนาคม ค.ศ. 1979 และนิตยสารข่าวรายสัปดาห์ ชูกังชินโจ ฉบับวันที่ 5 เมษายน ค.ศ. 1979[12] ข่าวลือเกี่ยวกับคูจิซาเกะ-อนนะกระจายไปทั่วญี่ปุ่น ซึ่งทำให้บางครั้งเด็กเล็กจะมีสมาชิกองค์กรผู้ปกครอง–ครูเดินเป็นกลุ่มขณะกลับจากโรงเรียนด้วย[2][4]

ชิเงรุ มิซูกิ นักประวัติศาสตร์และนักเขียนมังงะ ถือให้ตูจิซาเกะ-อนนะเป็นตัวอย่างโยไก ดวงวิญญาณ และปีศาจในคติชนญี่ปุ่น[13] แซ็ก เดวิสสัน ผู้แปลผลงานของมิซูกิหลายงาน กล่าวว่า "เมื่อมิซูกิระบุสาวปากฉีกเข้าในหนึ่งในสารานุกรมโยไกเล่มใหม่ล่าสุดของเขา นั่นเป็นช่วงเธอถือเป็นโยไกอย่างเป็นทางการ"[13]

ในวัฒนธรรมร่วมสมัย

ดูเพิ่ม

หมายเหตุ

  1. คำว่า "คิเร" (綺麗, kirei) พ้องเสียงกับคำว่า "คิเระ" (切れ, kire) แปลว่า "ตัด"

อ้างอิง

  1. 1.00 1.01 1.02 1.03 1.04 1.05 1.06 1.07 1.08 1.09 Meyer, Matthew (31 May 2013). "Kuchisake onna". Yokai.com. สืบค้นเมื่อ 6 August 2019.
  2. 2.0 2.1 2.2 2.3 2.4 2.5 2.6 Philbrook, Scott (co-host); Burgess, Forrest (co-host); Meyer, Matthew (guest) (14 October 2018). "Ep 121: Yokai Horrors of Japan" (Podcast). Astonishing Legends. สืบค้นเมื่อ 6 August 2019.
  3. 3.0 3.1 Yoshiyuki, Iikura (27 December 2019). "Japanese Urban Legends from the "Slit-Mouthed Woman" to "Kisaragi Station"". Nippon.com. สืบค้นเมื่อ 18 February 2020.
  4. 4.0 4.1 Alverson, Brigid (16 June 2016). "A Short Course in Yokai with Translator Zack Davisson". Barnes & Noble. สืบค้นเมื่อ 14 August 2019.
  5. 5.0 5.1 Matchar, Emily (31 October 2013). "Global Ghosts: 7 Tales of Specters From Around the World". The Atlantic. สืบค้นเมื่อ 6 August 2019.
  6. 6.0 6.1 Fordy, Tom (8 March 2019). "Sadako lives: the true stories behind five Japanese horror movies". The Daily Telegraph. สืบค้นเมื่อ 6 August 2019.
  7. 7.0 7.1 7.2 Yoda & Alt 2013, p. 204–206.
  8. Yoda & Alt 2013.
  9. Harden, Blaine (31 October 2008). "Monsters: Japan has thousands of 'yokai'". The Santa Fe New Mexican. p. A001. สืบค้นเมื่อ 11 March 2020.
  10. Yoda & Alt 2013, p. 206.
  11. Yoda & Alt 2013, p. 206–207.
  12. Dylan Foster 2008, p. 252.
  13. 13.0 13.1 Lombardi, Linda (7 January 2019). "Shigeru Mizuki, the legendary manga creator and 'Yokai Professor,' finally gets his due". Syfy. สืบค้นเมื่อ 14 August 2019.

ข้อมูล

อ่านเพิ่ม

  • よくわかる「世界の妖怪」事典―河童、孫悟空から、ドラキュラ、口裂け女まで [A Well-Understood "World Monster" Encyclopedia - from Kappa and Son Goku to Dracula and the Slit-Mouth Woman] (ภาษาญี่ปุ่น). Kosaido Publishing. 2007. ISBN 978-4331654170.

แหล่งข้อมูลอื่น

 

Prefix: a b c d e f g h i j k l m n o p q r s t u v w x y z 0 1 2 3 4 5 6 7 8 9

Portal di Ensiklopedia Dunia