สาธารณรัฐประชาชนโปแลนด์52°13′N 21°02′E / 52.217°N 21.033°E
สาธารณรัฐประชาชนโปแลนด์ (โปแลนด์: Polska Rzeczpospolita Ludowa; อังกฤษ: People's Republic of Poland (PRP)) เป็นประเทศในยุโรปกลางที่ดำรงอยู่ตั้งแต่ปี ค.ศ. 1947 ถึง ค.ศ. 1989 และเป็นบรรพบุรุษของสาธารณรัฐโปแลนด์สมัยใหม่ มีประชากรจำนวนราวประมาณ 37.9 ล้านคน เมื่อใกล้จะสิ้นสุดของการดำรงอยู่ เป็นประเทศคอมมิวนิสต์ที่มีประชากรมากที่สุดเป็นอันดับสองและประเทศกลุ่มตะวันออกในยุโรป[3] การมีรัฐบาลที่ยึดถือลัทธิมาร์กซิสต์-เลนินนิสต์เพียงหนึ่งเดียวซึ่งถูกกำหนดเอาไว้ในช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่สอง ยังเป็นหนึ่งในผู้ลงนามหลักของกติกาสัญญาวอร์ซอ เมืองที่ใหญ่ที่สุดและเมืองหลวงอย่างเป็นทางการนับตั้งแต่ปี ค.ศ. 1947 คือ กรุงวอร์ซอ ตามมาด้วยเมืองอุตสาหกรรมคือ วูช และเมืองวัฒนธรรมคือ กรากุฟ ประเทศถูกล้อมรอบด้วยทะเลบอลติกทางตอนเหนือ สหภาพโซเวียตทางตะวันออก เชโกสโลวาเกียทางใต้ และเยอรมนีตะวันออกทางตะวันตก ระหว่างปี ค.ศ. 1952 และ 1989 โปแลนด์ถูกปกครองโดยระบอบคอมมิวนิสต์ที่ถูกจัดตั้งขึ้น ภายหลังจากกองทัพแดงได้เข้ายึดครองดินแดนจากการยึดครองของเยอรมันในสงครามโลกครั้งที่สอง ชื่ออย่างเป็นทางการของรัฐคือ "สาธารณรัฐโปแลนด์" (Rzeczpospolita Polska) ระหว่างปี ค.ศ. 1947 และ 1952 ตามรัฐธรรมนูญฉบับย่อแบบชั่วคราวของปี ค.ศ. 1947[4] ชื่อว่า "สาธารณรัฐประชาชน" ได้ถูกนำมาใช้และกำหนดโดยรัฐธรรมนูญของปี ค.ศ. 1952 เช่นเดียวกับประเทศอื่น ๆ ในกลุ่มตะวันออก (เยอรมนีตะวันออก เชโกสโลวาเกีย ฮังการี โรมาเนีย บัลแกเรีย และอัลแบเนีย) [a] โปแลนด์ถือว่าเป็นรัฐบริวารในบริเวณพื้นที่ที่น่าสนใจของสหภาพโซเวียต แต่ไม่เคยเป็นส่วนหนึ่งของสหภาพโซเวียตเลย[5][6][7] สาธารณรัฐประชาชนโปแลนด์เป็นรัฐแบบพรรคกลางเมืองเดียวซึ่งมีลักษณะด้วยการต่อสู้ภายในอย่างหนักแน่นเพื่อประชาธิปไตย สหพรรคแรงงานโปแลนด์กลายเป็นกลุ่มทางการเมืองที่มีอำนาจเหนือกว่า ทำให้โปแลนด์กลายเป็นประเทศสังคมนิยมอย่างเป็นทางการ แต่มีนโยบายที่เสรีนิยมมากกว่ารัฐอื่น ๆ ในกลุ่มตะวันออก ตลอดระยะเวลาที่ดำรงอยู่ ความยากลำบากทางเศรษฐกิจ และความไม่สงบทางสังคมกลายเป็นเรื่องปกติในเกือบทุกทศวรรษ ประเทศได้ถูกแบ่งแยกระหว่างผู้ที่สนับสนุนพรรค ผู้ที่ต่อต้านพรรค และผู้ที่ปฏิเสธที่จะมีส่วนร่วมในกิจกกรมทางเมือง แม้ว่าเรื่องนี้ ความสำเร็จที่ก้าวล้ำบางอย่างจะเกิดขึ้นในช่วงสาธารณรัฐประชาชน เช่น สภาพความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น อุตสาหกรรมอย่างรวดเร็ว นคราภิวัตน์ และการเข้าถึงการรักษาพยาบาลและการศึกษาแบบฟรีสามารถทำได้ อัตราการเกิดที่สูงขึ้นและจำนวนประชากรที่เพิ่มมากขึ้นเกือบสองเท่า ระหว่างปี ค.ศ. 1947 และ ค.ศ. 1989 อย่างไรก็ตาม ด้วยประสบความสำเร็จมากที่สุดของพรรคคือ การบูรณะกรุงวอร์ซอที่กลายเป็นซากปรักหักพังขึ้นมาใหม่ในช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่สองและการขจัดความไม่รู้หนังสือโดยสิ้นเชิง[8][9] กองทัพประชาชนโปแลนด์เป็นสาขาหลักของกองทัพ แม้ว่าหน่วยทหารของกองทัพโซเวียตจะประจำการอยู่ในโปแลนด์เช่นเดียวกับประเทศอื่น ๆ ทั้งหมดในกติกาสัญญาวอร์ซอ[10] หน่วยยูบี (กระทรวงความมั่นคงสาธารณะ) ซึ่งถูกเปลี่ยนชื่อใหม่เป็น หน่วยเอ็สบี (หน่วยความมั่นคง) เป็นหัวหน้าหน่วยข่าวกรองที่ทำหน้าที่เป็นตำรวจลับ คล้ายกับหน่วยชตาซีของเยอรมนีตะวันออกและหน่วยเคจีบีของสหภาพโซเวียต องค์กรตำรวจอย่างเป็นทางการ ซึ่งมีหน้าที่รับผิดชอบในการรักษาความสงบและปราบปรามการประท้วงอย่างรุนแรง ซึ่งได้ถูกเปลี่ยนชื่อเป็นกองทหารอาสาสมัครพลเรือน (Citizens' Militia - MO) กองกำลังหมู่ โซโม (ZOMO) กองกำลังทหารอาสาสมัครระดับชั้นนำได้ก่ออาชญากรรมอย่างร้ายแรงเพื่อรักษาอำนาจคอมมิวนิสต์เอาไว้ รวมทั้งการปฏิบัติต่อผู้ประท้วงอย่างรุนแรง การจับกุมแกนนำฝ่ายค้าน และในกรณีที่รุนแรงด้วยการฆาตกรรม[11] มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 22,000 คนโดยระบอบการปกครองในช่วงการปกครอง[12] เป็นผลทำให้โปแลนด์มีอัตราการถูกจำคุกที่สูง แต่มีอัตราการก่ออาชญากรรมที่ต่ำที่สุดในโลก[13] สาธารณรัฐประชาชนโปแลนด์ถูกยุบหลังจากการเลือกตั้งประธานาธิบดีใน ค.ศ. 1990 แต่สาธารณรัฐโปแลนด์ที่ 3 หลังยุคคอมมิวนิสต์ ยังคงบังคับใช้รัฐธรรมนูญฉบับ ค.ศ. 1952 โดยมีการแก้ไขเพิ่มเติม จนกระทั่งมีการประกาศใช้รัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบันเมื่อวันที่ 17 ตุลาคม ค.ศ. 1997 ซึ่งเป็นการยกเลิกโครงสร้างสังคมนิยมทั้งหมดและแทนที่ด้วยระบบรัฐสภา อ้างอิง
บรรณานุกรม
หมายเหตุ
แหล่งข้อมูลอื่น![]() วิกิมีเดียคอมมอนส์มีสื่อที่เกี่ยวข้องกับ สาธารณรัฐประชาชนโปแลนด์
|
Portal di Ensiklopedia Dunia