สภาสูง
สภาสูง (อังกฤษ: upper house) เป็นชื่อเรียกสภานิติบัญญัติสภาหนึ่ง บางประเทศอาจมีสภานิติบัญญัติสองสภาประกอบกันเป็นรัฐสภา อีกสภาหนึ่งเรียก สภาล่าง ซึ่งบางประเทศอาจมีแต่สภาล่างทำหน้าที่สภานิติบัญญัติ ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับการกำหนดขององค์อธิปัตย์ในประเทศนั้น ๆ สำหรับประเทศไทยมีสองสภา สภาสูงเรียก วุฒิสภา สภาล่างเรียก สภาผู้แทนราษฎร ทั้งสองสภารวมกันเรียกว่า รัฐสภา ลักษณะทั่วไปของสภาสูงระบบรัฐสภาในประเทศที่ใช้ระบบรัฐสภา เช่น ประเทศไทย ประเทศอังกฤษ สภาสูงมีหน้าที่ตรวจสอบกฎหมายที่รัฐบาลหรือสภาล่างประกาศใช้ในสถานการณที่มีความจำเป็นรีบด่วน, มีหน้าที่ให้ข้อเสนอแนะเกี่ยวกับการปรับปรุงแก้ไขร่างกฎหมาย ซึ่งสภาล่างอาจไม่ปฏิบัติตามก็ได้ เช่น สภาขุนนาง (สภาสูง) ของอังกฤษ ที่กฎหมายไม่ให้อำนาจในการยับยั้งร่างกฎหมาย เพียงแต่มีอำนาจในการถ่วงการพิจารณาเอาไว้เพื่อให้รัฐบาลหรือสภาล่างนำกลับไปพิจารณาอีกครั้ง ทั้งนี้ แม้สภาสูงจะไม่มีอำนาจเช่นว่า แต่บรรดาสภาสูงส่วนใหญ่ก็อาจขอให้สภาล่างนำร่างกฎหมายกลับไปพิจารณาใหม่ได้ เพื่อเป็นการปกป้องสิทธิและเสรีภาพของพลเมืองจากการออกกฎหมายโดยไม่มีความรอบคอบ ในประเทศที่ใช้ระบบดังกล่าว มักเห็นว่าสภาสูงเป็นที่ปรึกษา หรือเป็น "บรรณาธิการ" พิจารณาร่างกฎหมาย ด้วยเหตุนี้ อำนาจในทางนิติบัญญัติของสภาสูงจึงมีจำกัด คือ
อย่างไรก็ดี สภาสูงแห่งบางประเทศหรือบางรัฐก็มีอำนาจมากกว่าที่ระบุไว้ข้างต้น เช่น มีอำนาจในการเสนอร่างกฎหมายให้รัฐสภาพิจารณา (ส่วนใหญ่ไม่รวมกฎหมายงบประมาณและการเงิน) กับทั้งบางครั้งรัฐธรรมนูญของบางประเทศอาจกำหนดให้สภาสูงมีอำนาจแก้ไขภาวะทางตันทางการเมืองก็มี ในระยะหลัง ในบางประเทศมีการยุบเลิกสภาสูงเสีย เนื่องจากไม่เห็นความสำคัญของสภาสูงอีกต่อไป อนึ่ง การร่างรัฐธรรมนูญของหลายประเทศตั้งแต่ทศวรรษที่ผ่านมา มักกำหนดไม่ให้สภาสูงเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับการบริหารงานของฝ่ายบริหาร เพื่อไม่ให้สมาชิกสภาสูงฝักไฝ่ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง ซึ่งอาจเป็นผลเสียได้ ระบบประธานาธิบดีในประเทศที่ใช้ระบบประธานาธิบดี สภาสูงมีอำนาจหน้าที่เช่นเดียวกับในประเทศที่ใช้ระบบรัฐสภา แต่มักได้รับอำนาจเพิ่มเติมเพื่อชดเชยข้อจำกัด เช่น
โครงสร้างของสภาสูงการได้มาซึ่งสภาสูง อาจกระทำได้โดยหลายวิธี เช่น การเลือกตั้งโดยประชาชน การแต่งตั้ง การได้มาแบบผสมระหว่างการเลือกตั้งและการแต่งตั้ง เช่นในประเทศไทย และการได้รับสืบทอดตำแหน่งภายในสกุล มีสภาสูงจำนวนไม่น้อยที่ไม่ได้ผ่านการเลือกตั้งจากประชาชน แต่ใช้วิธีการแต่งตั้งโดยหัวหน้ารัฐบาล เนื่องจากต้องการให้สภาสูงประกอบด้วยผู้ทรงคุณวุฒิอย่างแท้จริง ซึ่งการเลือกตั้งมักไม่ได้ผู้ทรงคุณวุฒิเช่นนั้น อาทิ สมาชิกวุฒิสภาแห่งแคนาดาได้มาด้วยการเลือกสรรของรัฐบาล และนายกรัฐมนตรีแห่งแคนาดานำความกราบบังคมทูลฯ ให้พระมหากษัตริย์แห่งสหราชอาณาจักรมีพระราชโองการแต่งตั้ง ทั้งนี้ สำหรับการได้รับสืบทอดตำแหน่งภายในสกุล เช่น (ในประเทศเยอรมัน), สภาขุนนางของประเทศอังกฤษ (มีจวบจนปัจจุบัน) และสภาขุนนางของญี่ปุ่น (ญี่ปุ่นยกเลิกวิธีการนี้เมื่อ พ.ศ. 2490) สำหรับการเลือกตั้งโดยประชาชนมีทั้งแบบทางตรงและทางอ้อม แบบทางตรงคือ ประชาชนเลือกผู้แทนประชาชนแล้ว เมื่อผลการเลือกตั้งเป็นที่รับรอง ผู้แทนนั้นก็เป็นสมาชิกสภาสูงทันที, ส่วนแบบทางอ้อมคือ ผู้แทนนั้นไปคัดเลือกผู้ทรงคุณวุฒิเป็นสมาชิกสภาสูงอีกที อย่างก็ดี โดยทั่วไปแล้วสภาสูงมักประกอบด้วยผู้แทนที่มาจากการเลือกตั้งทางอ้อม เช่น วุฒิสภาของสหรัฐอเมริกาก่อนการแก้ไขรัฐธรรมนูญครั้งที่ 17 เมื่อ พ.ศ. 2456 แต่ในประเทศที่สมาชิกสภาสูงมาจากการเลือกตั้งโดยตรง มักมีสัดส่วนต่ำกว่าสภาล่าง เช่น วุฒิสภาของออสเตรเลีย สหรัฐอเมริกา ซึ่งการกำหนดจำนวนสมาชิกที่ได้จากการเลือกตั้งของรัฐต่าง ๆ ไว้ตายตัวตามจำนวนรัฐโดยไม่ใช้จำนวนประชากร การยุบเลิกสภาสูงปัจจุบัน รัฐหรือประเทศหลายแห่ง เช่น เดนมาร์ก สวีเดน โครเอเชีย เปรู เวเนซุเอลา นิวซีแลนด์ และเกือบทุกจังหวัดของแคนาดา เคยมีสภาสูงมาก่อน ก่อนที่จะยุบเลิกไปเหลือสภาล่างเป็นสภานิติบัญญัติสภาเดียว เหตุการณ์สำคัญในการยุบเลิกสภาสูง เช่น ในรัฐควีนส์แลนด์ของประเทศออสเตรเลีย ได้ยุบเลิกสภาสูงไปเสียใน พ.ศ. 2465 เนื่องจากพบว่าสมาชิกสภาสูงไม่ได้มาจากการเลือกตั้งของประชาชน ถือว่าไม่เป็นประชาธิปไตย อย่างไรก็ดี เหตุการณ์ดังกล่าวเป็นเรื่องภายในรัฐหรือประเทศนั้น ๆ ยังคงมีหลายประเทศที่ใช้ระบบสองสภาอยู่ในปัจจุบัน ชื่อต่าง ๆ ของสภาสูง
ดูเพิ่ม
|
Portal di Ensiklopedia Dunia