สถานีรถไฟนครลำปาง
สถานีรถไฟนครลำปาง (อังกฤษ: Nakhon Lampang Railway Station) เป็นสถานีรถไฟระดับหนึ่งบนเส้นทางรถไฟสายเหนือ (กรุงเทพ–เชียงใหม่) ซึ่งถ้าเป็นสถานีรถไฟประจำจังหวัดลำปาง ซึ่งลงสถานีนี้สามารถเดินทางไปจังหวัดพะเยาและจังหวัดตากได้อีกด้วย โดยสถานีรถไฟนครลำปางอยู่ระหว่างสถานีรถไฟหนองวัวเฒ่า กับสถานีรถไฟห้างฉัตร สถานีนครลำปางก่อสร้างและเปิดเดินรถในสมัยรัชกาลที่ 6 ปัจจุบันตัวสถานีและย่าน (ไม่นับย่านโรงรถจักร และย่านนอกสถานี) มีจำนวนทาง 8 ทาง เป็นทางหลัก 1 ทาง ทางหลีก 4 ทาง ทางตัน 3 ทาง โดยเป็นทางติดชานชาลา 2 ทาง สถานีรถไฟนครลำปางเป็นสถานีหนึ่งในโครงการรถไฟทางคู่ช่วงเด่นชัย - เชียงใหม่ สถานีรถไฟนครลำปางเป็นสถานีหนึ่งในโครงการรถไฟความเร็วสูงกรุงเทพ (สถานีกลางบางซื่อ) - เชียงใหม่ ช่วงสถานีรถไฟพิษณุโลก - เชียงใหม่ ใช้ชื่อ สถานีลำปาง รหัสสถานี HN10 อยู่ระหว่างสถานีรถไฟศรีสัชนาลัย กับสถานีรถไฟลำพูน เปิดใช้งานประมาณปี พ.ศ. 2575 แต่เดิม ระหว่างสถานีรถไฟห้างฉัตรกับสถานีรถไฟนครลำปางเคยมี ที่หยุดรถบ่อแฮ้วแต่ปัจจุบันได้ถูกยุบเลิกไปแล้ว ประวัติสถานีรถไฟนครลำปางก่อสร้างขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 6 ปี พ.ศ. 2458 และเปิดเดินรถครั้งแรกเมื่อวันที่ 1 เมษายน พ.ศ. 2459 โดยเส้นทางช่วงแม่จาง-นครลำปาง ซึ่งมีระยะทาง 42 กิโลเมตร และเป็นส่วนหนึ่งของทางรถไฟสายเหนือ มีพระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าบุรฉัตรไชยากร กรมพระกำแพงเพชรอัครโยธิน เป็นผู้บัญชาการ และมีนายช่างชาวเยอรมัน เอมิล ไอเซนโฮเฟอร์ เป็นผู้ควบคุมการก่อสร้างสถานีรถไฟนครลำปาง เป็นสถานีรถไฟยุคแรกๆที่ยังคงเหลืออาคารอยู่ภายหลังในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 1 ในช่วงปี พ.ศ. 2459 - 2464 สถานีรถไฟนครลำปางได้เป็นสถานีรถไฟปลายทางของเส้นทางสายเหนือ มีขบวนรถรวมพิษณุโลก - ลำปาง และอุตรดิตถ์ - ลำปาง ก่อนมีรถด่วนจากกรุงเทพขึ้นมาทำขบวนเมื่อ 1 พฤศจิกายน 2465[1] ซึ่งในเวลานั้นทำให้จังหวัดลำปางเป็นชุมทางขนส่งมวลชนที่ทันสมัยที่สุด ซึ่งทำเกิดการเปลี่ยนแปลงของเศรษฐกิจ แล้วยังเป็นจุดขายกระจายสินค้า และผู้คนจากภาคกลาง ที่จะเดินทางไปที่อื่นๆในภาคเหนือ[2] ส่วนสงครามโลกครั้งที่ 2 สถานีรถไฟนครลำปางเป็นจุดยุทธศาสตร์ที่ฝ่ายสัมพันธมิตรต้องการทำลาย เนื่องจากเป็นเส้นทางลำเลียงและยุทโธปกรณ์ของญี่ปุ่น แต่ก็ได้รับความเสียหายเล็กน้อย โดยหลักฐานที่มาอยู่ถึงปัจจุบันคือรอยกระสุนปืน ที่คานหลังคาชานชลาสถานีรถไฟ[2] ในปี พ.ศ. 2506 การรถไฟแห่งประเทศไทยได้จัดส่งหัวรถจักรไอน้ำมาแสดงไว้ที่สถานีรถไฟลำปาง และกำหนดให้สถานีรถไฟแห่งนี้เป็นสถานีประวัติศาสตร์ และทำการอนุรักษ์ไว้ โดยมีตัวอาคารสถานี คลังสินค้า พื้นที่เก็บหัวรถจักรและตัวรถไฟ รวมถึงพื้นที่บ้านพักพนักงาน ซึ่งอาคารสถานีได้ผ่านการต่อเติมมาเป็นบางส่วน โดยเฉพาะช่วงก่อนปี พ.ศ. 2520 มีการต่อเติมส่วนควบคุมบริเวณปีกทางทิศใต้ ส่วนพักคอยด้านติดรางรถไฟ และ ซุ้มด้านหน้าที่จอดรถ[1] ในปี พ.ศ. 2536 สถานีรถไฟนครลำปาง ได้รับการคัดเลือกจากคณะกรรมการอนุรักษ์สถาปัตยกรรมแห่งสมาคมสถาปนิกสยามในพระบรมราชูปถัมภ์ ให้เป็นอาคารอนุรักษ์ดีเด่น ประเภทอาคารสถาบันและสาธารณะ ประจำปี พ.ศ. 2536 [2] ในปี พ.ศ. 2538 ได้มีการเปลี่ยนกระเบื้องหลังคา กระเบื้องพื้น ของตัวสถานี และปรับปรุงพื้นชั้นล่างทั้งหมด[1] ซึ่งก็ยังถือว่าเป็นสถาปัตยกรรมยังคงรูปแบบและเอกลักษณ์เดิมอย่างครบถ้วนสมบูรณ์ จนถึงปัจจุบัน ปัจจุบันสถานีรถไฟประจำจังหวัดลำปาง มีพื้นที่ 161 ไร่ ห่างจากสถานีรถไฟกรุงเทพ 642.293 กิโลเมตร สถาปัตยกรรมอาคารสถานีเป็นอาคารสองชั้นที่ผสมผสานกันระหว่างสถาปัตยกรรมไทยภาคเหนือกับสถาปัตยกรรมยุโรปแบบบาวาเรียนคอทเทจ (Bavarian Cottage) ออกแบบโดย เอิรสท์ อัลท์มันน์ (Mr. Ernst Altmann) วิศวกรชาวเยอรมนี ชั้นล่างก่ออิฐฉาบปูนใช้ระบบคานโค้ง (Arch) 4 ช่วง ขนาบด้วยโค้งช่วงเล็กประกบทั้งสองฝั่งเป็นรูปแบบนีโอคลาสสิก (Neoclassic) ชั้นบนสร้างด้วยไม้มีกรอบเป็นโครงสร้างสี่เหลี่ยมมีไม้ยึดยันแนวทแยงเสริมเป็นช่วงๆ ไม่ให้อาคารโยก ซึ่งนี้เป็นเทคนิคด้านโครงสร้างที่เด่นมากจากฟากเยอรมนี นอกจากนั้นยังมีการกรุใต้ไม้ฝาตีตามแนวนอน และอวดโครงสร้างกรอบเป็นรูปแบบฮาล์ฟทิมเบอร์ (Half Timber) หลังคาของสถานีเป็นทรงปั้นหยาผสมจั่วซ้อนชั้นคล้ายหลังคาตามสถาปัตยกรรมล้านนา ราวระเบียงและช่องแสงเหนือประตูหน้าต่างประดับด้วยช่องปรุไม้แกะสลักลวดลายเลียนแบบศิลปะล้านนา ที่โดดเด่นมากๆ และมองไปทางไหนก็เห็น คือลายแจกันหรือหม้อปูรณฆฏะผสมลายเครือเถา ประดับช่อดอกไม้ม้วนขมวดเป็นวงตามแบบที่พบได้ตามวัดล้านนา ซึ่งเป็นฝีมือช่างที่ประณีตและละเอียดเป็นอย่างมากบนหน้าจั่วของอาคารชั้นบนมีตัวเลขพุทธศักราช 2458 และคริสต์ศักราช 1915 ซึ่งเป็นปีสร้างอาคารเป็นตัวนูนออกมา โดยฝั่งที่หันไปทางกรุงเทพฯ เป็นคริสต์ศักราช และฝั่งที่หันไปทางเชียงใหม่เป็นพุทธศักราช หลังคาคลุมชานชาลาด้านหน้าอาคารที่ใช้งานปัจจุบัน ไม่ได้ถูกสร้างและติดตั้งที่นี่มาตั้งแต่แรก ซึ่งไม่มีข้อมูลที่แน่ชัดว่ามาประกอบเข้าช่วงไหน แต่มีหลักฐานข้อมูลว่าถูกยกมาจากสถานีรถไฟแปดริ้ว(ที่หยุดรถไฟแปดริ้วในปัจจุบัน) ซึ่งเคยสถานีรถไฟประจำจังหวัดฉะเชิงเทราในสมัยนั้น ก่อนถูกลดขั้นสถานีแล้วย้ายที่ตั้งใหม่ และเปลี่ยนชื่อเป็นสถานีรถไฟชุมทางฉะเชิงเทราในปัจจุบัน ซึ่งอยู่ในเส้นทางรถไฟสายตะวันออก ด้านหน้าสถานีมีรถจักรไอน้ำโมกุล C56 หมายเลข 728 (C56-36) (C5636) ซึ่งเป็นรุ่นที่นำมาใช้งานตั้งแต่สมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 โดยกองทัพญี่ปุ่นนำรถจักรไอน้ำรุ่นนี้มาดัดแปลงและนำมาใช้การเป็นอาวุธยุทธโธปกรณ์ในเส้นทางทางรถไฟสายมรณะ ในจังหวัดราชบุรีและจังหวัดกาญจนบุรี เพื่อไปสู่ประเทศพม่าระหว่างสงครามโลกครั้งที่ 2 และเมื่อสงครามจบก็ไม่ได้นำกลับไป ทิ้งรถจักรไอน้ำส่วนใหญ่ไว้ให้ใช้เพื่อทดแทนรถจักรที่เสียหายจากสงครามในยุคนั้น ซึ่งรถจักรไอน้ำหมายเลข 728 ก็ได้ถูกปลดที่สถานีนี้ในฐานะรถจักรสับเปลี่ยน และได้ถูกจอดตั้งไว้อยู่ด้านหน้าสถานีรถไฟนครลำปางจนถึงปัจจุบัน ซึ่งโดยรอบจะมีจุดจอดรถม้าสำหรับนักท่องเที่ยวอยู่ด้วย[3] ตารางเดินรถ
เที่ยวไป
เที่ยวกลับ
รถสินค้า
ระเบียงภาพ
งานประจำปีที่สำคัญ
สถานที่สำคัญที่ใกล้เคียง
อ้างอิง
แหล่งข้อมูลอื่น
|
Portal di Ensiklopedia Dunia