ศิลปะนัมบัง![]() ![]() ศิลปะนัมบัง (ญี่ปุ่น: 南蛮美術; โรมาจิ: Nanban bijutsu) หมายถึง ศิลปะญี่ปุ่นช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 16–17 ที่ได้รับอิทธิพลจากพวกนัมบัง (南蛮, "คนเถื่อนจากภาคใต้") ซึ่งหมายถึงพ่อค้าและนักบวชจากยุโรป โดยเฉพาะชาวโปรตุเกส ซึ่ง "นัมบัง" เป็นคำยืมจากภาษาจีนว่า "หนานหมาน" แปลตรงตัวว่า "คนเถื่อนจากภาคใต้" เช่นกัน แต่มีความหมายสื่อถึงกลุ่มชาติพันธุ์ในเอเชียใต้และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ในญี่ปุ่นนำคำนี้มาใช้สำหรับเรียกคนโปรตุเกส ซึ่งเป็นชาวยุโรปกลุ่มแรกที่เข้ามาค้าขายในญี่ปุ่นเมื่อ ค.ศ. 1543 แล้วจึงถูกใช้เรียกชาวยุโรปอย่างรวม ๆ ในเวลาต่อมา และคำนี้ก็ใช้เรียกภาพวาดที่ชาวยุโรปนำมาญี่ปุ่นด้วย[1][2] ประวัติศิลปะนัมบังเกิดขึ้นครั้งแรกหลังการเดินทางของชาวโปรตุเกสสู่คีวชูใน ค.ศ. 1543 และเริ่มมีการผลิตศาสนวัตถุของศาสนาคริสต์ เช่น รูปเคารพอย่างคริสตศิลป์ และฉากกั้นห้องญี่ปุ่นศิลปะนัมบัง (南蛮屏風) มีลวดลายเป็นเอกลักษณ์ และยังเหลือรอดมาจนถึงปัจจุบันนี้กว่า 90 ฉาก[3] เป็นภาพลงสีแสดงให้เห็นนักเดินทางชาวต่างชาติเดินทางมายังท่าเรือของญี่ปุ่น และกำลังเดินไปตามท้องถนนของญี่ปุ่น[4] ภาพที่ได้รับความนิยมที่สุดคือภาพนักรบต่างชาติ รังสรรค์โดยศิลปินจากสำนักคาโน (狩野派) ร่วมกับสำนักโทซะ (土佐派) ผสมผสานงานศิลป์จากต่างประเทศให้เข้ากับการวาดภาพของญี่ปุ่น เช่น ทัศนียภาพเชิงเส้น (linear perspective) การใช้วัสดุเทียบเท่า (alternative materials) และเทคนิค (techniques) แต่ศิลปะตะวันตกนี้ส่งอิทธิพลแก่ศิลปะญี่ปุ่นได้ไม่นาน เพราะเกิดการกดขี่และการประกาศห้ามนับถือศาสนาคริสต์ช่วงปลายคริสต์ศตวรรษที่ 16 รวมทั้งการปิดประเทศช่วงคริสต์ทศวรรษที่ 1630 ศิลปะนัมบังจึงเสื่อมสูญไป[1][5] อิทธิพลย้อนกลับคตินิยมศิลปะญี่ปุ่นยังไม่แพร่หลายไปสู่โลกตะวันตกจนกระทั่งญี่ปุ่นเปิดประเทศอีกครั้งในคริสต์ทศวรรษที่ 1850–1860 แต่ก็มีหลักฐานความสัมพันธ์ทางวัฒนธรรมของญี่ปุ่นที่อาณานิคมเม็กซิโกของสเปน ดังจะพบว่าเครื่องเขินของญี่ปุ่นส่งอิทธิพลจากเครื่องเขินยุคก่อนฮิสแปนิก เรียกว่า "มาเก" (maque) ตรงกับเครื่องเขินญี่ปุ่นคือ "มากิเอะ" (蒔絵) จากการแลกเปลี่ยนสินค้าผ่านเรือกำปั่นมะนิลา (Manila galleon) ซึ่งเดินทางไปมาระหว่างมะนิลาในฟิลิปปินส์กับอากาปุลโกในเม็กซิโก ระหว่าง ค.ศ. 1565–1815[6] ระเบียงภาพ
อ้างอิง
|
Portal di Ensiklopedia Dunia