มูฮัมมัด อิกบาล
เซอร์มูฮัมมัด อิกบาล (อังกฤษ: Muhammad Iqbal) (9 พฤศจิกายน ค.ศ. 1877 - 21 เมษายน ค.ศ. 1938) มักเรียกว่า อัลลามา อิกบาล เป็นกวีและนักปรัญชาเกิดในเซียลคอต ซึ่งขณะนั้นอยู่ในแคว้นปัญจาบ บริติชอินเดีย ซึ่งปัจจุบันอยู่ในปากีสถาน อิกบาล ผู้เขียนบทกวีในภาษาอุรดูและภาษาเปอร์เซีย ถูกมองว่าเป็นหนึ่งในบุคคลที่เป็นสัญลักษณ์ (icon) ผู้ยิ่งใหญ่ที่สุดในสมัยใหม่[1] หลังศึกษาในอังกฤษและเยอรมนี อิกบาลได้ทำงานด้านกฎหมาย แต่ยังมุ่งสนใจงานเขียนผลงานเชิงวิชาการว่าด้วยการเมือง เศรษฐศาสตร์ ประวัติศาสตร์ ปรัชญาและศาสนาเป็นหลัก ผลงานที่ทำให้เขาเป็นที่รู้จักกันมากที่สุดเป็นงานด้านบทกวี อิกบาลเป็นผู้เสนอการฟื้นฟูอารยธรรมอิสลามทั่วโลกอย่างแข็งขัน แต่โดยเฉพาะยอ่างยิ่งในอินเดีย เขาเป็นหนึ่งในผู้นำที่โดดเด่นของสันนิบาติมุสลิมทั่วอินเดีย (All-India Muslim League) และสนับสนุนการสถาปนา "รัฐในทางตะวันตกเฉียงเหนือของอินเดียสำหรับมุสลิมชาวอินเดีย" ในการปราศรัยประธานาธิบดีใน ค.ศ. 1930[2] แนวคิดดังกล่าวได้ชื่อว่า ทฤษฎีสองชาติ วันคล้ายวันเกิดของเขา ซึ่งตรงกับวันที่ 9 พฤศจิกายน เป็นวันหยุดในปากีสถาน ชีวิตวัยเด็กอิกบาลเกิดเมื่อ 9 พฤศจิกายน พ.ศ. 2420 ที่แคว้นกัษมีระ บิดาชื่อเชค นูรมุฮัมมัด อาชีพช่างตัดเสื้อ กับมารดาชื่ออิมามบีบี ต้นตระกูลเดิมเป็นพราหมณ์ แล้วเปลี่ยนมานับถือศาสนาอิสลามภายหลัง ในวัยเด็กเติบโตมาในครอบครัวที่นับถือศาสนาอิสลามอย่างเคร่งครัด ได้เรียนทั้งภาษาเปอร์เซียและภาษาอังกฤษ เมื่อเรียนจบหลักสูตรพื้นฐานได้รับทุนเข้าศึกษาต่อในวิทยาลัยมิชชันนารีของชาวสกอตแลนด์ จน พ.ศ. 2448 ได้เดินทางสู่ยุโรป และเข้าศึกษาที่มหาวิทยาลัยเคมบริดจ์ และเรียนต่อจนจบปริญญาเอกที่เมืองมิวนิก หลังจากเรียนจบ ท่านได้เดินทางกลับสู่บ้านเกิด ผลงานอิกบาลเป็นผู้มีความสามารถทางด้านภาษา เรียนภาษาเยอรมันจนกระทั่งอ่านออกเขียนได้ภายใน 2 เดือน เขียนบทกวีด้วยภาษาอูรดู และเขียนหนังสือที่มีชื่อเสียงด้วยภาษาเปอร์เซียอีกหลายเล่ม ทางด้านการเมือง พ.ศ. 2457 ได้รับการแต่งตั้งเป็นสมาชิกสภานิติบัญญัติของรัฐปัญจาบ พ.ศ. 2474 เป็นคณะผู้แทนชาวมุสลิมไปร่วมประชุมที่ลอนดอนซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของการต่อสู้เพื่อแยกปากีสถานออกจากอินเดีย อิกบาลได้ทุ่มเทการทำงานเพื่อแยกปากีสถาน จนสุขภาพทรุดโทรมและเสียชีวิตเมื่อ 21 เมษายน พ.ศ. 2481 ก่อนที่ฝันของท่านจะเป็นจริงถึง 10 ปี สุสานสุสานของอิกบาลตั้งอยู่ทางด้านหน้าของมัสยิดบัดชาฮี ก่อด้วยหินอ่อนอย่างงดงาม มีชาวปากีสถานเข้าไปเคารพศพของท่านไม่ขาด ในฐานะกวี และผู้ต่อสู้เพื่อประเทศปากีสถาน อ้างอิง
|
Portal di Ensiklopedia Dunia