มะขามแขก
มะขามแขก (อังกฤษ: Indian Senna,Tinnevelly Senna) มีทรงต้นเป็นพุ่มหรือกอขนาดเล็กแตกกิ่งก้านสาขามากมาย จะสูงประมาณ 60-150 เซนติเมตร ใบเหมือนกับกับมะขามทั่วไป แต่จะยาวกว่า และที่ปลายใบแหลมกว่า ก้านใบมีใบย่อย ประมาณ 7 คู่ และ ใบมีสีเขียว มีรสเปรี้ยวหวานชุ่ม ยอดของกิ่งจะออกดอกเป็นช่อสีเหลือง จะมีกลีบที่รองดอกและกลีอดอกเกือบมีขนาดที่เท่ากันจำนวน 5 กลีบ ออกผลเป็นฝักลักษณะเหมือนกับถั่วลันเตา แต่จะแบนกว่า กว้างประมาณ 2 เซนติเมตร และยาวประมาณ 7 เซนติเมตร มีสีเขียวใสตอนยังอ่อน เมื่อแก่จะกลายเป็นสีดำ มีเมล็ดประมาณ 6 เมล็ด มีรสเปรี้ยว ลักษณะของดินและน้ำที่เหมาะสม
การปลูกใช้เมล็ดหยอดลงหลุม หรือ ใช้ต้นกล้า ไปปลูกในพื้นที่ที่ต้องการ ช่วงแรกหมั่นดูแลรักษาให้ดินมีความชุ่มชื่นตลอด เมื่อมะขามแขกเริ่มใหญ่แล้วจากนั้นรดน้ำตามความเหมาะสม ช่วงที่นิยมปลูกเป็นช่วงปลายฤดูฝน ช่วงเวลาเก็บเกี่ยว
ประโยชน์
มะขามแขกมีสรรพคุณเป็นยาระบาย เนื่องจากจุลินทรีย์ในทางเดินอาหารจะเข้าไปย่อยสลายสารเซนโนไซด์เอและบีกลายเป็นสารเคมีชนิดหนึ่ง ที่ไปกระตุ้นการบีบตัวของกล้ามเนื้อลำไส้ใหญ่ ทำให้รู้สึกปวดท้องอยากถ่าย แต่คนมักเข้าใจผิดจึงโหมกินยาระบายวันละหลาย ๆ รอบ เมื่อเสียน้ำจากการถ่ายมากๆ ร่างกายก็จะทรุดโทรมลง รู้สึกอ่อนเปลี้ยเพลียแรง อาจถึงช็อกจนเสียชีวิตได้ และถ้าใช้ติดต่อกันเป็นเวลานานมากๆ จะทำให้ลำไส้ใหญ่นั่นเคยชิน การกินสมุนไพรมะขามแขกในรูปของชาชง ชนิดเม็ด หรือชนิดแคปซูลนั้น ถ้ากินในปริมาณที่พอเหมาะเพื่อช่วยแก้ปัญหาท้องผูกถือว่าไม่เป็นอันตราย แต่ถ้ากินในปริมาณที่มากจนเกินไปก็จะทำให้เกิดอันตรายได้เช่นกัน และที่เราต้องทำความเข้าใจกันใหม่นั้นก็คือ ยาระบายเหล่านี้ไม่ช่วยให้ลดความอ้วนได้ เพราะสิ่งที่ถูกขับออกมานั้นเป็นกากอาหารและน้ำในร่างกาย ส่วนไขมันก็ยังวนเวียนอยู่ในตัวเราไม่ได้ถูกระบายไปพร้อมกับของเสีย มะขามแขกเป็นเพียงแค่ยาระบายเท่านั้นไม่สามารถนำมากินเพื่อที่จะลดความอ้วนได้ และถ้ากินในปริมาณที่มากจนเกินไปก็อาจจะทำให้เสียชีวิตได้ด้วย อ้างอิง
|
Portal di Ensiklopedia Dunia