ฟ้าใส ใจชื่นบาน
ฟ้าใส ใจชื่นบาน เป็นภาพยนตร์รัก-ตลก ที่ออกฉายในปี พ.ศ. 2552 เรื่องราวเกี่ยวกับนักศึกษาที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ 6 ตุลาคม พ.ศ. 2519 และหลบหนีเข้าป่าไปร่วมกับพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทย กำกับโดย เกริกชัย ใจมั่น และนภาพร พูลเจริญ นักแสดง
งานสร้างเกริกชัย ใจมั่น และ นภาพร พูลเจริญ เป็นหนึ่งในทีมโปรดิวเซอร์ของรายการโทรทัศน์ คดีเด็ด ฉายทางช่อง 7 เริ่มงานสร้างจากคำแนะนำของโชคชัย ลาภรัตนากุล ผู้บริหารบริษัท I-RIM ผู้ผลิตรายการคดีเด็ด โดยได้รับเงินทุนสนับสนุนจากบริษัท รอยัล มัลติมีเดีย ดีเวลล็อปเมนต์ จำกัด เกริกชัย ใจมั่น และนภาพร พูลเจริญ ซึ่งร่วมเป็นผู้เขียนบทด้วย เริ่มงานค้นคว้าข้อมูลโดยใช้ทีมงานของรายการคดีเด็ด [1] ซึ่งตามปกติต้องไปถ่ายทำตามสถานีตำรวจทั่วประเทศอยู่แล้ว เก็บข้อมูลจากการสัมภาษณ์เจ้าหน้าที่ตำรวจ แล้วนำเกร็ดข้อมูลต่างๆ มารวบรวมเพื่อเขียนบทภาพยนตร์ ภาพยนตร์ถ่ายทำที่จังหวัดกาญจนบุรี และจังหวัดเชียงใหม่ ผลตอบรับเนื่องจากเจ้าของหนังรายแรกไม่มีความเข้าใจและรู้จักหนังในแนวนี้ดีพอ พอหนังสร้างเสร็จแล้วแต่ยังไม่สมบูรณ์เจ้าของหนังเช็คดูหนังแล้วมองว่าหนังเรื่องนี้ล้มเหลวแน่ จึงรีบนำหนังไปเร่ขายราคาถูกๆ อย่างฉุกละหุกเร่งด่วนต่อคนในวงการหลายๆ เจ้า ทำให้ทุกคนมองหนังเรื่องนี้ในแนวลบและไม่มีราคา และทุกคนก็พากันชิ่งหนีหมด กว่าจะหาคนซื้อหนังเรื่องนี้ได้ ก็เหลืออีกไม่กี่วันจะถึงกำหนดฉายแล้ว จึงทำให้หนังเรื่องนี้ไม่สามารถโปรโมทอะไรได้มากนักและทำให้หนังเรื่องนี้ไม่มีกระแสเลย แต่กระนั้นหนังเรื่องนี้ก็ยังสามารถทำรายได้ในสัปดาห์แรกชนะหนังทุกเรื่องที่ฉายในเวลาเดียวกันนี้ได้ทั้งหมดแม้จะเป็นรายได้แค่เพียง 11.36 ล้านบาทก็ตาม หลังจากหนังเรื่องนี้ต้องออกจากโรงภาพยนตร์อย่างรวดเร็ว นับตั้งแต่นั้นมา หนังเรื่องนี้ก็กลายเป็นสัมภะเวสีล่องลอยอยู่ในโลกออนไลน์เหมือนผีไม่มีเจ้าของ แต่ด้วยคุณภาพที่อัดแน่นอยู่ในตัวหนัง ทำให้ข้อผิดพลาดข้างต้นไม่สามารถทำลายล้างมันได้ คุณภาพในตัวของมันกลับดึงดูดคนในโลกออนไลน์ได้อยู่ตลอดเวลา เป็นวัน เป็นเดือน เป็นปี เป็นหลายปี มันดึงดูดคนได้ไม่หยุดไม่หย่อน ไม่ว่ากาลเวลาจะผ่านไปนานแค่ไหนก็ตาม มันกลายเป็นหนังที่แอบซ่อนอยู่ดวงใจของคนจำนวนมากขึ้นทุกทีๆ หลายๆคน ดูนับเป็นสิบๆ รอบ ย้อนกลับมาดูวันไหน เดือนไหน ปีไหนก็สนุกทุกที ทุกๆ คนต่างก็คิดเหมือนๆ กันว่า นี่เป็นหนังที่ตัวเองแอบชอบอยู่คนเดียว โดยไม่รู้เลยว่ามีคนที่คิดเหมือนๆ กันอยู่อีกมากมายนับไม่ถ้วน และเพิ่มจำนวนขึ้นตลอดเวลาด้วย นับเป็นเหตุการณ์ที่แปลกประหลาดที่ไม่เคยเกิดขึ้นกับหนังเรื่องไหนมาก่อนเลย และในที่สุด พระนครฟิลม์ ก็เป็นนายทุนรายแรกที่สังเกตเห็นปรากฏการณ์ประหลาดนี้ พระนครฟิลม์ซื้อหนังเรื่องนี้มาฉายในโลกออนไลน์อย่างมีลิขสิทธิ์ถูกต้องครั้งแรกในวันที่ 24 ธันวาคม 2018 พร้อมๆ กับตัดมุกตลกในหนังปล่อยเป็นคลิปสั้นๆ อีกจำนวนมาก ทำให้หนังเรื่องนี้กลับมามีตัวตนอีกครั้ง เนื้อเรื่องจากเหตุการณ์ 6 ตุลาคม พ.ศ. 2519 ทราย (ร่มฉัตร ขำศิริ) นักศึกษาสาวที่ต้องการเข้าไปช่วยเพื่อนที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ถูกกันตัวออกมา เธอได้พบกับ ก้อง (พิชญะ วัชจิตพันธ์) กับพรรคพวก ได้แก่ จอบ (ค่อม ชวนชื่น) เสียม (อ่าง เถิดเทิง) และ คิด (ฝันดี จรรยาธนากร) ที่ปั๊มน้ำมัน ทันใดนั้นแม่มารับทรายกลับบ้านแต่ทรายกลับตั้งใจผิดหลายครั้งก็เลยต้องทะเลาะกันจนเกือบเสียฟอร์ม ในที่สุดทรายก็ยอมที่จะกลับบ้าน วันหนึ่งก้องชวนเพื่อน ๆ เข้าป่าเพราะต้องการหนีจากชีวิตในเมือง หารู้ไม่เลยว่ากำลังเดินทางไปพร้อมกับพวกพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทย ก้องได้พบกับทราย ซึ่งบัดนี้กลายเป็น "สหายเม็ดทราย" ไปแล้ว ก้องและพวกจึงจำเป็นต้องแสร้งใช้ชีวิตอยู่ในป่าไปก่อน สหายเม็ดทรายนั้นชื่นชอบ สหายเที่ยง (สุรสิทธิ์ เอี่ยมโอภาสวงศ์) คอมมิวนิสต์หนุ่มผู้มีอุดมการณ์ ซึ่งต่างจากก้องและพรรคพวก และวันหนึ่งที่จอบและเสียมเผลอไปตัดเอาต้นข้าวเพราะคิดว่าเป็นหญ้าจนเหี้ยนหมด ทั้งหมดจึงต้องออกเดินทางไปขอเสบียงจากชาวบ้าน และที่นั่น ทำให้สหายเม็ดทรายได้ล่วงรู้ถึงความจริงว่า ความสุขที่แท้ของคนอยู่ที่ใจ หาใช่อุดมการณ์อะไรไม่ อ้างอิง
แหล่งข้อมูลอื่น
|
Portal di Ensiklopedia Dunia