ฟักข้าว
ฟักข้าว เป็นไม้เลื้อยตามต้นไม้หรือตามรั้วบ้าน โดยมีชื่อเรียกกันต่างไป เช่น ขี้กาเครือ (ปัตตานี) ผักข้าว (ตาก ภาคเหนือ) มะข้าว (แพร่) เป็นต้น[1] ถิ่นกำเนิดฟักข้าว เป็นพืชที่มีถิ่นกำเนิด ตั้งแต่ประเทศจีนตอนใต้ พม่า ไทย ลาว กัมพูชา เวียดนาม มาเลเซีย บังกลาเทศ และฟิลิปปินส์ ลักษณะพืชลำต้นฟักข้าวเป็นไม้ประเภทพืชล้มลุก โดยเป็นเถาเลื้อย มีมือเกาะ แบบเดียวกับตำลึง ใบเป็นใบเดี่ยว รูปหัวใจ หรือรูปไข่ รูปร่างคล้ายใบโพธิ์ ความกว้างยาวเท่ากันประมาณ 6-15 เซนติเมตร ขอบใบหยักเว้าลึกเป็นแฉก 3-5 แฉก ดอกดอกลักษณะดอกจะออกบริเวณข้อต่อระหว่างใบ หรือ ซอกใบ โดยออกข้อละดอก ลักษณะ คล้ายดอกตำลึง ลักษณะกลีบดอก ขาวอมเหลือง หรือขาวแกมเหลือง ก้านเกสรและกลีบละอองมีสีม่วงแกมดำ หรือน้ำตาลแกมม่วง ใบเลี้ยงประดับมีขน โดยดอกจะเป็นดอกแบบ เพศไม่สมบูรณ์ แยกเป็นดอกเพศผู้และดอกเพศเมีย และจะอยู่ต่างต้นกัน ดอกจะมีสีขาวอมเหลือง มีกลีบดอก 5 กลีบ ดอกเพศเมียจะมีขนาดเล็กกว่าดอกตัวผู้ ผลมี 2 ลักษณะคือ พันธุ์ผลรี กับพันธุ์ผลกลม (พบมากในภาคใต้) พันธุ์ผลรี ก็ยังมีแตกต่างปลีกย่อยหลากหลายไปอีกมาก อาจจะไม่เห็นความต่างเด่นชัดนัก (มข.นำมาวิจัย เกือบ 20 สายพันธุ์) เช่น ดูจากขนาดของผล, ความหนาของเยื่อหุ้มเมล็ด ฯลฯ ฟักข้าวพันธุ์ดั้งเดิมจะมีหนามเล็ก ๆ อยู่รอบผล บางพันธุ์จะแหลมมาก (ดังรูป) ผลอ่อนมีสีเขียว จะเจริญได้ต้องมีการผสมระหว่างดอกตัวผู้กับดอกตัวเมีย ต้นฟักข้าวมีการแยกเพศ เมื่อผลสุกจะมีสีแดง หรือแดงอมส้ม ภายในมีเมล็ดจำนวนมากเรียงตัว เยื่อหุ้มเมล็ดฟักข้าวที่ปลูกในประเทศไทย ปริมาณความหนาของเยื่อหุ้มเมล็ดมีมาก-น้อยขึ้นกับสายพันธุ์และการดูแล บางพันธุ์มีเยื่อหุ้มเมล็ดมากถึง 144.62 กรัม/ผล ในขณะที่บางพันธุ์มีเยื่อหุ้มเมล็ดแค่ 41 กรัม/ผล[2] การขยายพันธุ์สามารถขยายพันธุ์ มีหลายวิธึ เช่น ด้วยเมล็ด, แยกราก, ปักชำ, ทับเถา ฟักข้าวชอบความชื้นสูง (ประมาณ 70-80 %) เริ่มมีดอกหลังจากปลูกไปได้แล้วประมาณ 3-6 เดือน พันธุ์ไทยมักจะให้ผลผลิตตลอดปี การเก็บเกี่ยวสามารถให้ผลประมาณ 0-60 ผล/ปี ขึ้นอยู่กับสถานที่ปลูก และการดูแล ถ้าปลูกในสถานที่ที่โดนแดดน้อยกว่า 5 ชมหรือปริมาณแสงแดดน้อย เช่น ปลูกบริเวณหมู่บ้านจัดสรรที่มีที่แคบ ๆ มีต้นไม้ใหญ่หรือมีอะไรมาบังแสงแดดนั่งร้านฟักข้าว ฯลฯ ฟักข้าวจะไม่ออกดอก หรือออกดอกน้อย คุณค่าทางโภชนาการในประเทศไทยคนสมัยก่อนนำผลฟักข้าวอ่อนสีเขียวเป็นอาหาร เนื่องจากรสชาติเนื้อฟักข้าว เหมือนมะละกอ วิธีการนำมารับประทานโดยการนำมาลวกหรือต้มให้สุก จิ้มกินกับน้ำพริก หรือใส่แกง ส่วนยอดอ่อน ใบอ่อน นำมาเป็นผักได้ โดยการนึ่งหรือลวกให้สุก เช่นเดียวกับผลอ่อนนำไปปรุงเป็นแกง เช่น แกงแค น้ำปรุงสามรส หรือจิ้มน้ำพริกได้เช่นเดียวกัน ในปัจจุบันจากงานวิจัยหลายแห่งพิสูจน์แล้วว่าการบริโภคเยื่อหุ้มเมล็ดของผลสุก มีประโยชน์มากกว่าการบริโภคผลอ่อน เพราะในเยื่อหุ้มเมล็ด มีสารที่มีประโยชน์มากมาย เช่น สารต้านอนุมูลอิสระสูง, ช่วยเสริมภูมิคุ้มกันให้ร่างกาย มีส่วนช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดโรคหลอดเลือดหัวใจ โรคมะเร็งต่อมลูกหมาก มะเร็งปอด และมะเร็งกระเพาะอาหาร ฯลฯ อ้างอิง
แหล่งข้อมูลอื่นวิกิมีเดียคอมมอนส์มีสื่อที่เกี่ยวข้องกับ ฟักข้าว ข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับ Momordica cochinchinensis ที่วิกิสปีชีส์ |
Portal di Ensiklopedia Dunia