พระเจ้าฟร็องซัวที่ 1 แห่งฝรั่งเศส
พระเจ้าฟร็องซัวที่ 1 แห่งฝรั่งเศส (ฝรั่งเศส: François Ier) (12 กันยายน ค.ศ. 1494 ถึง 31 มีนาคม ค.ศ. 1547) ทรงเป็นกษัตริย์แห่งฝรั่งเศสตั้งแต่ ค.ศ. 1515 ถึง ค.ศ. 1547 พระเจ้าฟร็องซัวทรงได้ชื่อว่าเป็นกษัตริย์พระองค์แรกของยุคฟื้นฟูศิลปวิทยาฝรั่งเศส รัชสมัยของพระองค์มีการเปลี่ยนแปลงทางวัฒนธรรมที่สำคัญด้วยการเติบโตของอำนาจส่วนกลางในฝรั่งเศส การแพร่กระจายของลัทธิมนุษยนิยมและนิกายโปรเตสแตนต์ และการเริ่มต้นของการสำรวจโลกใหม่ของฝรั่งเศสปูทางไปสู่การขยายจักรวรรดิอาณานิคมฝรั่งเศสที่หนึ่ง ต้นพระชนม์ชีพพระเจ้าฟร็องซัวเสด็จพระราชสมภพที่เมืองคอนญัค (Cognac) ในแคว้นแซงตง (Saintonge) เป็นพระโอรสของชาร์ล ดยุกแห่งอ็องกูแลม (Duke of Angoulême) และพระนางหลุยส์แห่งซาวอย (Louise of Savoy) ทรงเป็นลูกพี่ลูกน้องของพระเจ้าหลุยส์ที่ 12 แห่งฝรั่งเศส กษัตริย์องค์ก่อนพระองค์ ทรงเป็นราชวงศ์วาลัวสาขาอองกูแลม พระเจ้าฟร็องซัวทรงได้รับแต่งตั้งเป็นดยุกแห่งอ็องกูแลมต่อจากพระบิดา และเมื่อพระชนมายุได้ 4 พรรษาก็ได้รับแต่งตั้งเป็นดยุคแห่งวาลัวส์ (Duke of Valois) และได้เป็นองค์รัชทายาทของราชอาณาจักรฝรั่งเศส เพราะพระเจ้าหลุยส์ที่ 12 นั้นทรงไม่มีพระโอรส ใน ค.ศ. 1514 พระเจ้าฟร็องซัวทรงอภิเษกสมรสกับพระนางโกลด (Claude of France) พระธิดาของพระเจ้าหลุยส์ที่ 12 เมื่อพระเจ้าหลุยส์เสด็จสวรรคตใน ค.ศ. 1515 พระเจ้าฟร็องซัวก็ขึ้นครองราชย์ตั้งแต่พระชนมายุ 21 พรรษา พระเจ้าฟร็องซัวทรงเป็นกษัตริย์ที่ยึดแนวความคิดมนุษยนิยม (Humanism) ไว้ในพระหฤทัยผิดกับกษัตริย์สองพระองค์ก่อนคือพระเจ้าชาร์ลที่ 8 และพระเจ้าหลุยส์ที่ 12 ที่ทรงนำฝรั่งเศสเข้าสู่สงครามที่สิ้นเปลืองในอิตาลี ดู สงครามอิตาลี ซึ่งทั้งสองพระองค์นั้นก็ได้ชื่อว่าเป็นกษัตริย์สมัยกลางพระองค์สุดท้ายในฝรั่งเศส สงครามอิตาลีทำให้กระแสฟื้นฟูศิลปวิทยาจากอิตาลีแพร่เข้าสู่ฝรั่งเศส ซึ่งพระเจ้าฟร็องซัวก็ทรงได้รับเต็มๆจากพระอาจารย์ พระราชมารดาหลุยส์ก็ทรงชื่นชมในศิลปะ และความชื่นชมในของสวยงามนี้ก็ส่งต่อให้พระโอรสคือพระเจ้าฟร็องซัว แม้จะไม่อาจพูดได้ว่าพระเจ้าฟร็องซัวทรงได้รับการศึกษาอย่างฟื้นฟูศิลปวิทยา แต่พระองค์ก็ทรงเป็นเช่นนั้นมากกว่ากษัตริย์องค์ก่อนๆ ทรงอุปถัมภ์ศิลปะพระเจ้าฟร็องซัวทรงเป็นผู้อุปถัมภ์ศิลปะที่ยิ่งใหญ่พระองค์ทรงส่งเสริมยุคฟื้นฟูศิลปวิทยาฝรั่งเศสโดยดึงดูดศิลปินชาวอิตาลีหลายคนให้มาทำงานให้กับพระองค์ รวมทั้งเลโอนาร์โด ดา วินชี ซึ่งพำนักในฝรั่งเศสจนเสียชีวิต และนำภาพโมนาลิซามาด้วย พระเจ้าฟร็องซัวทรงติดต่อกับพ่อต้าขายภาพอิตาลี ให้ขนภาพของจิตรกรชื่อดังต่างๆมาไว้ในฝรั่งเศสให้หมด จึงทำให้พระราชวังของพระองค์นั้นหรูหราเต็มไปด้วยงานศิลปะทุกกระเบียด บุรุษแห่งการเล่าเรียนพระเจ้าฟร็องซัวยังทรงได้รับสมยาว่า “บุรุษแห่งการเล่าเรียน” (Man of letters) ทรงสนพระทัยในหนังสือต่างๆ เช่น Book of the Courtiers และยังทรงเป็นกวีเองด้วย ทรงปรับปรุงหอหนังสือหลวงและให้กวีฝรั่งเศสกุยแยม บูเด (Guillaime Budé) เป็นบรรณรักษ์ เพื่อรวบรวมหนังสือที่มีค่าต่างๆ ในอิตาลีโดยเฉพาะหนังสือหายาก และทรงเปิดหอสมุดของพระองต์ให้นักปราชญ์ทั่วไปได้ใช้ เพื่อเผยแพร่ความรู้ ใน ค.ศ. 1537 พระเจ้าฟร็องซัวทรงออกพระราชกฤษฎีกามองต์เปอลิแยร์ (Ordinance of Montpellier) ให้หนังสือทุกเล่มที่ขายในฝรั่งเศสต้องส่งสำเนาไปไว้ที่หอสมุดของพระองค์ พระขนิษฐา คือมาร์เกอรีตแห่งนาวาร์ สมเด็จพระราชินีแห่งนาวาร์ (Marguerite of Navarre) ก็ทรงเป็นนักเขียน การก่อสร้างพระเจ้าฟร็องซัวทรงใช้พระราชทรัพย์มหาศาลในการก่อสร้าง ดังต่อไปนี้
สงครามอิตาลีกษัตริย์สองพระองค์ก่อน คือพระเจ้าชาร์ลที่ 8 และพระเจ้าหลุยส์ที่ 12 ต่างล้มเหลวในสงครามอิตาลี แม้กระนั้นพระเจ้าฟร็องซัวก็ทรงสานต่อการรุกรานอิตาลี พระเจ้าฟร็องซัวทรงยึดมิลานคืนได้จากสวิส ใน ค.ศ. 1516 จักรพรรดิมัคซีมีลีอานสิ้นพระชนม์ พระเจ้าฟร็องซัวหวังจะได้เป็นจักรพรรดิโรมันอันศักดิสิทธิ์ แต่ตำแหน่งก็ตกเป็นของพระเจ้าการ์โลสที่ 1 แห่งสเปน ทำให้พระเจ้าฟร็องซัวทรงโกรธแค้นพระเจ้าการ์โลส (จักรพรรดิคาร์ล) จึงทรงหาแนวร่วมพันธมิตรคืออังกฤษ โดยทรงเจรจากับพระเจ้าเฮนรีที่ 8 แห่งอังกฤษ ในการพบปะที่ทุ่งภูษาทองไม่ไกลจากคาเลส์ เพราะทั้งสองพระองค์ต่างตกแต่งเตนต์อย่างหรูหราเพื่อโอ้อวดอีกฝ่าย การเจรจาจึงไม่เป็นผล พระเจ้าฟร็องซัวทรงหาข้ออ้างบุกนาโปลีคืนจากสเปนแต่ไม่เป็นผล และทัพสเปนก็บุกมิลาน พระเจ้าฟร็องซัวนำทัพไปป้องกัน แต่พ่ายแพ้ในการรบที่ปาเวีย (Pavia) และทรงถูกจับไปเมืองมาดริดใน ค.ศ. 1525 จนเมื่อทรงสัญญาว่าจะไม่บุกอิตาลีอีก และไถ่พระองค์ด้วยเงินมหาศาล พระเจ้าฟร็องซัวจึงถูกปล่อยพระองค์ พระเจ้าฟร็องซัวครั้งถูกปล่อยพระองค์มาก็ละทิ้งคำสัญญาทุกประการกับจักรพรรดิคาร์ล เพราะทรงถูกบังคับให้สัญญา ทรงหันไปหาสุลต่านสุไลมานแห่งจักรวรรดิออตโตมัน ร่วมมือกันบุกเมืองนีซ ใน ค.ศ. 1543 แต่ไปไม่ถึงมิลาน จักรพรรดิคาร์ลร่วมมือกับพระเจ้าเฮนรีที่ 8 บุกฝรั่งเศสจากทางเหนือ แต่ไม่เป็นผล พระราชวงศ์พระเจ้าฟร็องซัวทรงอภิเษกกับพระนางโกลดแห่งฝรั่งเศสในค.ศ. 1514 ซึ่งเป็นพระธิดาของพระเจ้าหลุยส์ที่ 12 และอาน ดัชเชสแห่งเบรอตาญ (Anne, Duchess of Brittany) มีพระโอรสธิดารวมหกพระองค์ รอดชีวิตอยู่สามพระองค์
ในค.ศ. 1530 พระเจ้าฟร็องซัวทรงอภิเษกใหม่กับพระนางเอเลโอโนเรอแห่งออสเตรีย (Eleanor of Austria) ไม่มีบุตรธิดา |
Portal di Ensiklopedia Dunia