พระราชบัญญัติการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ พ.ศ. 2562
พระราชบัญญัติการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ พ.ศ. 2562 เป็นพระราชบัญญัติซึ่งพระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัวมีพระบรมราชโองการประกาศให้เป็นกฎหมายเมื่อวันที่ 24 พฤษภาคม 2562 มีเหตุผลในพระราชบัญญัติว่า เพื่อป้องกันหรือรับมือภัยคุกคามไซเบอร์ได้อย่างทันท่วงที สภานิติบัญญัติแห่งชาติออกเสียงเห็นชอบให้เป็นกฎหมายเมื่อวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2562 กฎหมายมีใจความหลักคือ การตั้งหน่วยงานโครงสร้างพื้นฐานสำคัญทางสารสนเทศ และการแบ่งประเภทภัยคุกคามทางไซเบอร์[1] ผู้วิจารณ์กฎหมายนี้ให้เหตุผลว่า กฎหมายให้อำนาจเจ้าหน้าที่รัฐค้น เจาะระบบทำสำเนา และสอดส่องข้อมูลแบบเรียลไทม์ (real time) ได้ โดยไม่ต้องยื่นคำร้องต่อศาลในกรณีที่เป็นเหตุจำเป็นเร่งด่วนและเป็นภัยคุกคามร้ายแรง รวมทั้งสามารถยึดค้นคอมพิวเตอร์และข้อมูลสารสนเทศได้ ด้านสฤณี อาชวานันทกุล จากกลุ่มเครือข่ายพลเมืองเน็ต แย้งว่า กฎหมายนี้เป็นกฎหมายที่ดีเพราะประเทศไทยตกเป็นเป้าของการโจมตีไซเบอร์ที่ผ่านมา แต่ไม่ดีเพราะกฎหมายออกมาในยุคคณะรักษาความสงบแห่งชาติ และตั้งใจเขียนให้สามารถนำไปใช้ในทางที่ผิด คือ กรณีที่เข้าข่ายปลุกปั่นให้ขัดขืนอำนาจปกครอง[2] สฤณียังเขียนว่ากฎหมายนี้ต่างจากกฎหมายความมั่นคงไซเบอร์ของยุโรปที่นิยามภัยคุกคามไซเบอร์อย่างกำกวม และสอดแทรกประเด็นความมั่นคงของรัฐเข้าไปด้วย[3] ด้านสุณัย ผาสุข ที่ปรึกษาฮิวแมนไรต์วอช กล่าวว่า "เป็นส่วนสำคัญของวาระที่กองทัพ และเครือข่ายฝ่ายอนุรักษนิยมที่กุมอำนาจรัฐดำเนินความพยายามมากว่า 10 ปีในการที่จะหาทางสอดส่อง ตรวจสอบ ปิดกั้น และดำเนินคดีต่อเนื้อหาของการสื่อสารออนไลน์"[2] ด้านกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมชี้แจงว่า กฎหมายนี้ไม่มีบทบัญญัติว่าด้วยการเฝ้าระวัง สอดส่องติดตาม ข้อมูล เนื้อหาในสื่อสังคม เพราะมีพระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550 คุ้มครองการหมิ่นประมาทบุคคลอยู่แล้ว ส่วนกฎหมายนี้จะใช้คุ้มครองระบบคอมพิวเตอร์เป็นหลัก รวมทั้งไม่มีการขอดูข้อมูลประชาชนและละเมิดสิทธิ์ข้อมูลส่วนบุคคล รวมทั้งการเข้าไปในสถานที่ เพื่อตรวจค้น ยึดอุปกรณ์ และการเข้าถึงระบบคอมพิวเตอร์ทุกกรณีต้องอาศัยคำสั่งศาล[4] อ้างอิง
|
Portal di Ensiklopedia Dunia