ตะโดธรรมราชาที่ 2

พระเจ้าตะโดธรรมราชา
သတိုးဓမ္မရာဇာ
นันทยอทา
พระเจ้าแปร (ประเทศราช)
ครองราชย์30 สิงหาคม พ.ศ. 2094 – พฤศจิกายน/ธันวาคม พ.ศ. 2131
ก่อนหน้าพระเจ้าตะโดธรรมราชาที่ 1
ถัดไปพระเจ้าตะโดธรรมราชาที่ 3
ประสูติราว พ.ศ. 2033
ตองอู
สวรรคตพฤศจิกายน/ธันวาคม พ.ศ. 2131 เดือนนะดอ 950 ME
แปร
คู่อภิเษกพระนางสาลินมิบะยา
พระราชบุตรพระนางซินพยูชินเมดอ
พระนางมินตะยาเมดอ
นันทยอทา (เชงเศง) เจ้าเมืองซะไกง์
เมงชเวเมี๊ยต เจ้าเมืองแตงดา
เมงเยอุศนะ เจ้าเมืองซะลี่น
เจ้าหญิงแห่งเมืองสากู
เจ้าเมืองมล่วน
ชินเนเมียว
ชินเนตุน
ปเยงสาสีหะ เจ้าเมืองเมาะลำเลิง
ราชวงศ์ราชวงศ์ตองอู
พระราชบิดาเมงเยสีหตู
พระราชมารดาชีน-มโย่เมียะ
ศาสนาพุทธศานานิกายเถรวาท

พระเจ้าตะโดธรรมราชาที่ 2 (พม่า: သတိုးဓမ္မရာဇာ, ออกเสียง: [ðədó dəma̰ jàzà]; อักษรโรมัน: Thado Dhamma Yaza II of Prome, ราว พ.ศ. 2033 – พ.ศ. 2131) มีพระนามเดิมว่า นันทยอทา เริ่มรับราชการทหารในรัชสมัยพระเจ้าตะเบ็งชะเวตี้แห่งราชวงศ์ตองอู กระทั่งได้รับการสถาปนาเป็นพระเจ้าแปร ในฐานะกษัตริย์เมืองออกของพระเจ้าบุเรงนองผู้เป็นพระเชษฐา[1]และพระเจ้านันทบุเรงพระนัดดาระหว่าง พ.ศ. 2091 ถึง 2131 ภายหลังจากที่พระเจ้าบุเรงนองได้สำเร็จโทษพระเจ้าตะโดธรรมราชาที่ 1 พระเจ้าแปรพระองค์ก่อนเรียบร้อยแล้ว

ต้นพระชนม์

พระเจ้าตะโดธรรมราชาที่ 2 มีพระนามเดิมว่า นันทยอทา (နန္ဒယော်ဓာ) เป็นพระโอรสองค์ที่ 4 ของเมงเยสีหตู กับพระนางชีน–มโย่เมียะ มีพระเชษฐาและพระเชษฐภคินี ร่วมพระมารดา 3 พระองค์ คือ พระนางขิ่นโปนโซ พระเจ้าบุเรงนอง และเมงเยสีตู และยังมีพระอนุชาต่างพระมารดา อีก 2 พระองค์ คือ พระเจ้ามังฆ้องและพระเจ้าตะโดเมงสอ พระองค์เจริญพระชันษาอยู่ในบริเวณพระราชวังตองอูและได้รับการศึกษาการทหารที่นั่น

เข้ารับราชการทหาร

รัชสมัยพระเจ้าตะเบ็งชะเวตี้ (พ.ศ. 2077–2093)

เมื่อพระเจ้าตะเบ็งชะเวตี้ เสด็จขึ้นครองราชย์ในวันที่ 24 พฤศจิกายน พ.ศ. 2073 พระองค์ต้องการแผ่ขยายพระราชอำนาจแห่งอาณาจักรตองอู ให้แผ่ไพศาลไปทั่วสารทิศ นันทยอทา ได้เข้าร่วมในสงครามตองอู–หงสาวดี (พ.ศ. 2077–2084) ปี พ.ศ. 2083 นันทยอทา ได้รับแต่งตั้งเป็นเจ้าเมืองธัมยินดง (သမြင်းတုံ) เป็นเมืองที่อยู่บริเวณพื้นที่สามเหลี่ยมปากแม่น้ำอิรวดี ปี พ.ศ. 2084 พระองค์เข้าร่วมนำทัพในสงครามตองอู–แปร (พ.ศ. 2084–2085) ทรงเป็นผู้นำกองทัพเรือในสงครามตองอู–ยะไข่ (พ.ศ. 2089–2090) และนำทัพช้างในสงครามอยุธยา (พ.ศ. 2091–2092) และในเดือนมกราคม พ.ศ. 2093 เขาได้ร่วมกับพระเชษฐาบุเรงนองและสิริชัยกะยอดิน ปราบกบฏสมิงทอ

รัชสมัยพระเจ้าบุเรงนอง (พ.ศ. 2093–2124)

หลังจากที่พระเจ้าตะเบ็งชะเวตี้ถูกลอบปลงพระชนม์ เมื่อวันที่ 30 เมษายน พ.ศ. 2093 พระเจ้าบุเรงนองก็สถาปนาตนเป็นกษัตริย์พระองค์ต่อไป พระองค์ร่วมกับพระเชษฐา กอบกู้อาณาจักรที่แตกออกเป็นก๊กเป็นเหล่า พ.ศ. 2093–2094 ขณะนั้นพระเจ้ามังฆ้อง เจ้าเมืองตองอู พระอนุชาต่างพระมารดาของพระเจ้าบุเรงนอง แข็งเมืองไม่ยอมรับพระราชอำนาจของพระเชษฐา พระองค์จึงต้องยกทัพไปปราบ วันที่ 11 มกราคม พ.ศ. 2094 พระเจ้ามังฆ้องทรงยอมแพ้ พระเจ้าบุเรงนองพระราชทานอภัยโทษให้ นันทยอทา ที่มีความดีความชอบในศึกครั้งนี้ พระเจ้าบุเรงนองจึงทรงพระราชทานบรรดาศักดิ์ ตะโดธรรมราชา ให้แก่นันทยอทา และจึงยกทัพไปปราบพระเจ้าตะโดตู เจ้าเมืองแปร พระสัสสุระของพระเจ้าตะเบ็งชะเวตี้ ที่คิดแข็งเมืองอีกพระองค์ เมื่อสำเร็จโทษพระเจ้าตะโดตูแล้ว พระเจ้าบุเรงนองจึงสถาปนา นันทยอทา เป็นพระเจ้าตะโดธรรมราชาที่ 2

พระเจ้าตะโดธรรมราชาที่ 2 เป็น 1 ใน 4 ยอดขุนพลคู่พระทัยของพระเจ้าบุเรงนอง ซึ่งได้แก่ พระเจ้าเมงเยสีตู พระเจ้าตะโดธรรมราชา พระเจ้ามังฆ้อง พระเจ้าตะโดเมงสอ ทรงร่วมสมรภูมิตลอดการรณรงค์สงครามตั้งแต่ พ.ศ. 2095–2108 เพื่อรวบรวมอาณาจักร ในปี พ.ศ. 2099 เมงเยสีตู สิ้นพระชนม์ลง ตำแหน่งขุนพลคู่พระทัยก็ตกไปเป็นของพระมหาอุปราชมังชัยสิงห์ (นันทบุเรง) พระองค์ทรงนำทัพไปร่วมในทุกสมรภูมิ ยกเว้นสงครามเมืองมณีปุระ พ.ศ. 2103 และสงครามล้านช้าง พ.ศ. 2108 พระเจ้าบุเรงนองได้สร้างอาณาจักรที่ใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ หลังจากพักราชการงานศึก ในปีพ.ศ. 2111 ล้านช้างและอยุธยาก็กระด้างกระเดื่อง พระองค์จึงต้องยกทัพไปปราบ และในปีพ.ศ. 2113 พระเจ้าตะโดธรรมราชา กับขุนพลคู่พระทัยอีก 3 พระองค์ ก็ยกขึ้นไปปราบรัฐฉาน

นอกจากนี้ พระเจ้าตะโดธรรมราชาที่ 2 ทรงเป็นผู้ที่จงรักภักดีต่อพระเจ้าแผ่นดินและพระราชวงศ์เป็นอย่างยิ่ง ทรงแสดงความจงรักภักดีต่อพระเจ้าบุเรงนอง ผู้เป็นพระเชษฐา โดยทรงก่อสร้างประตูแปร ประจำเมืองหงสาวดี (ประตูเมืองหงสาวดี มีทั้งหมด 20 ประตู แต่ละประตู ตั้งตามชื่อเมืองประเทศราชของหงสาวดี) พระองค์ได้รับพระเกียติยศจากพระเชษฐาในฐานะที่ทรงจงรักภักดี พร้อมด้วยพระเจ้ามังฆ้องและพรเจ้าตะโดเมงสอ ในวันที่ 3 มีนาคม พ.ศ. 2123

รัชสมัยพระเจ้านันทบุเรง (พ.ศ. 2124–2131)

วันที่ 10 ตุลาคม พ.ศ. 2124 พระเจ้าบุเรงนอง สวรรคต พระเจ้านันทบุเรง เสด็จขึ้นครองราชย์ เป็นพระเจ้าหงสาวดี แต่ถึงกระนั้น เมืองประเทศราชที่เคยขึ้นต่อพระเจ้าบุเรงนอง ต่างคิดกระด้างกระด่าง ในเดือนสิงหาคม/กันยายน พ.ศ. 2125 ขณะนั้นเมืองจัณฑาและเมืองธองทุต ที่อยู่ในรัฐจีนไทใหญ่ แข็งเมืองไม่ยอมส่งเครื่องราชบรรณาการมาถวาย พระเจ้านันทบุเรง โปรดให้พระเจ้าตะโดธรรมราชา กับพระเจ้าเชียงใหม่นรธาเมงสอ นำทัพ 8,000 ไปปราบกบฏ (พระเจ้านันทบุเรงไม่ได้ขอความช่วยเหลือจากพระเจ้าตะโดเมงสอ เพราะทรงไม่ไว้วางพระทัย เพราะเมืองอังวะแอบสนับสนุนให้พวกไทใหญ่ก่อกบฏ) ทัพทั้งสองต้องล้อมเมืองจัณฑาอยู่นานเกือบ 5 เดือน เพราะพวกไทใหญ่ได้รับการสนับสนุนจากจีนต้าหมิงและอังวะ แต่เมื่อพวกไทใหญ่ขาดเสบียง จึงต้องยอมแพ้ กองทัพทั้งหมดยกกลับมาถึงหงสาวดีในเดือนเมษายน พ.ศ. 2126

ในต้นปี พ.ศ. 2126 พระนางนะชีนแมดอ ได้ส่งผอบใส่ผ้าคลุมไหล่เปื้อนพระโลหิตพร้อมด้วยสาส์น มาแจ้งพระเจ้าตะโดเมงสอ ผู้เป็นพระราชบิดา ในสาส์นมีใจความว่า พระนางถูกพระมหาอุปราชามังกะยอชวา ผู้เป็นพระราชสวามี ตบตีทำร้ายพระนาง เมื่อพระนางทรงแสดงอาการหึงหวงที่พระมหาอุปราชา ไปหลงใหลในพระนางราชธาตุกัลยา พระชายาใหม่ และทรงผลักพระนางชนกับเสา พระเจ้าตะโดเมงสอ ทรงพิโรธเป็นอย่างมาก และนี่ก็ยิ่งทำให้ความสัมพันธ์ของพระเจ้าตะโดเมงสอ กับพระเจ้านันทบุเรงเสื่อมถอยลง และนี่ก็เป็นหนึ่งในสาเหตุที่พระเจ้าตะโดเมงสอจะหาความชอบธรรมในการกบฏ ในเดือนมิถุนายน/กรกฎาคม พ.ศ. 2126 พระเจ้าตะโดเมงสอ ลักลอบส่งทูตไปยังเมืองแปร เมืองตองอู และเมืองเชียงใหม่ เกลี้ยกล่อมให้พระเจ้าตะโดธรรมราชา พระเจ้ามังฆ้อง และพระเจ้านรธาเมงสอ ให้ร่วมกับพระองค์ แข็งเมืองต่อพระเจ้านันทบุเรง แต่เจ้าผู้ครองนครทั้ง 3 พากันเข้าข้างพระเจ้านันทบุเรง พระเจ้านันทบุเรงทรงทราบความทั้งสิ้นทั้งปวง จึงแต่งทัพยกไปตีเมืองอังวะ ในเดือนมีนาคม พ.ศ. 2127 พร้อมด้วยเจ้าผู้ครองนครทั้ง 3 ศึกอังวะ เป็นศึกสุดท้ายของพระเจ้าตะโดธรรมราชาที่ 2 หลังจากนั้นพระองค์ ก็ไม่ได้มีส่วนร่วมในการนำทัพออกศึกสงครามรบกับอยุธยาในเดือนพฤษภาคม พ.ศ. 2127

พระเจ้าตะโดธรรมราชาที่ 2 สวรรคตในเดือนพฤศจิกายน/ธันวาคม พ.ศ. 2131 พระเจ้านันทบุเรง ทรงแต่งตั้งเมงจีหน่อง เป็นพระเจ้าแปร คือ พระเจ้าตะโดธรรมราชาที่ 3

พระบรมวงศานุวงศ์

พระเจ้าตะโดธรรมราชาที่ 2 มีพระอัครมเหสี คือ พระนางสาลินมิบะยา พระธิดาของพระเจ้าบาเยงทเว เจ้าเมืองแปร ทรงอภิเษกสมรสในปี พ.ศ. 2088 ในพระราชพิธีบรมราชาภิเษกของพระเจ้าตะเบ็งชะเวตี้ มีพระธิดาด้วยกัน 2 พระองค์ คือ พระนางซินพยูชินเมดอ พระมเหสีของพระเจ้าเชียงใหม่นรธาเมงสอ และพระนางมินตะยาเมดอ พระมเหสีของพระเจ้านันทบุเรง

นอกจากนี้ยังมีพระโอรสและพระธิดาที่เกิดแต่นางสนมอีก 7 พระองค์ ได้แก่

  • นันทยอทา (เชงเศง) ทรงอภิเษกกับพระนางเมี๊ยตเมียวโปนไว พระธิดาของพระเจ้าบุเรงนอง หลังจากนั้น พระองค์ ได้รับแต่งตั้งเป็นเจ้าเมืองซะไกง์ พระนามว่า เมงเยเสงฆตู และถูกพระเจ้ามี่นยาซาจี้ เจ้าเมืองยะไข่ จับไปเป็นเชลยที่ยะไข่ ในปี พ.ศ. 2143
  • เมงชเวเมี๊ยต เจ้าเมืองแตงดา
  • เมงเยอุศนะ เจ้าเมืองซะลี่น
  • เจ้าหญิงแห่งเมืองสากู
  • เจ้าเมืองมล่วน ผู้เป็นควาญช้างให้พระมหาอุปราชามังกะยอชวา ในสงครามยุทธหัตถี และเคยนำทัพไปรบกันเมืองทวายและตะนาวศรี แต่ก็พ่ายศึกกลับมา หลังจากนั้น พระองค์ถูกพระเจ้ามี่นยาซาจี้ เจ้าเมืองยะไข่ จับไปเป็นเชลยที่ยะไข่ ในปี พ.ศ. 2143
  • ชินเนเมียว เสนาบดีของพระเจ้าตะโดธรรมราชาที่ 3 ถูกสังหารโดยยานไนง์ ในปี พ.ศ. 2140
  • ชินเนตุน เสนาบดีของพระเจ้าตะโดธรรมราชาที่ 3 ถูกสังหารโดยยานไนง์ ในปี พ.ศ. 2140
  • ปเยงสาสีหะ เจ้าเมืองเมาะลำเลิง

ในวัฒนธรรมสมัยนิยม

มีนักแสดงผู้รับบท ตะโดธรรมราชาที่ 2 ได้แก่

พงศาวลี

อ้างอิง

เชิงอรรถ
  1. พระราชพงศาวดารพม่า, หน้า 140
บรรณานุกรม
  • พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระนราธิปประพันธ์พงศ์. พระราชพงศาวดารพม่า. นนทบุรี : ศรีปัญญา, 2550. 1136 หน้า. หน้า 139-140. ISBN 978-974-7088-10-6
ก่อนหน้า ตะโดธรรมราชาที่ 2 ถัดไป
พระเจ้าตะโดธรรมราชาที่ 1 พระเจ้าแปร
(20 สิงหาคม 2094 – พฤศจิกายน/ธันวาคม พ.ศ. 2131)
พระเจ้าตะโดธรรมราชาที่ 3

 

Prefix: a b c d e f g h i j k l m n o p q r s t u v w x y z 0 1 2 3 4 5 6 7 8 9

Portal di Ensiklopedia Dunia