ดรีมแคตเชอร์ ก่อตั้งขึ้นภายใต้ชื่อ มิงซ์ (MINX)[1] ประกอบด้วยสมาชิก 5 คน ได้แก่ จียู, ซูอา, ชียอน, ยูฮยอน และดามี โดยปล่อยซิงเกิลเปิดตัวชื่อว่า "Why Did You Come to My Home?" เมื่อวันที่ 18 กันยายน พ.ศ. 2557[2] ในเดือนธันวาคมปีเดียวกัน พวกเธอปล่อยซิงเกิลฮอลิเดย์ชื่อว่า "Rockin 'Around the Christmas Tree" กับเกิร์ลกรุป ทัลชาเบ็ด พวกเธอกลับมาในเดือนกรกฎาคม พ.ศ. 2558 พร้อมกับอีพี Love Shake ซึ่งจะเป็นเพลงสุดท้ายในฐานะมิงซ์ ในเดือนพฤศจิกายน พ.ศ. 2559 พวกเธอประกาศว่าจะเปิดตัวอีกครั้งในปี พ.ศ 2560 ภายใต้ชื่อใหม่ "ดรีมแคตเชอร์" พร้อมกับสมาชิกใหม่ 2 คน ได้แก่ ฮันดง และกาฮยอน[3]
ประวัติ
พ.ศ. 2557 – 2559 มิงซ์ (MINX)
พ.ศ. 2557 : Happy Face Entertainment ได้เตรียมการเปิดตัวเกิร์ลกรุปใหม่ มิงซ์ (MINX) สมาชิก 5 คน จียู, ซูอา, ชียอน, ยูฮยอน และดามี กับคอนเซปต์สดใส น่ารัก เปิดตัว วันที่ 18 กันยายน 2557 ด้วยเพลง Why Did You Come To My Home?
พ.ศ. 2558 – 2559 : มินิอัลบั้มแรก Love Shake และเพลงโปรโมตชื่อเดียวกับอัลบั้ม คือ Love Shake
วันที่ 5 เมษายน ได้ปล่อยซิงเกิลอัลบั้มที่ 2 악몽 * Fall Asleep in the mirror โดยมีเพลง Good Night เป็นเพลงโปรโมต เป็นแนวเพลงเฮฟวี่เมทัล
วันที่ 27 กรกฎาคม ได้ปล่อยมินิอัลบั้มแรก Prequel โดยมีเพลง Fly High เป็นเพลงโปรโมต เป็นแนวเพลงป๊อปร็อค
ดรีมแคตเชอร์ได้เข้าร่วมแข่งกันรายการ MIXNINE รายการไอดอลของค่าย YG entertrainment คนที่ผ่านการทดสอบความสามารถ MIX ได้แก่ จียู ดามี ชียอน CLASS B และยูฮยอน ในอันดับ 8 ของ TOP9 แต่มีความจำเป็นต้องออกจากรายการก่อน เนื่องจากมีปัญหาในเรื่องของตารางงานทัวร์คอนเสิร์ต
วันที่ 30 กรกฎาคม ได้จัด Dreamcatcher 1st Fan Meeting : Welcom to the Dream World (ครบรอบ 200 วัน ตั้งแต่เดบิวท์) ที่หอประชุมศิลปะอิลจิ (ILJI Art Hall)
พ.ศ. 2561 : ครบรอบ 1 ปีที่เดบิวท์ ,ประกาศชื่อแฟนคลับอย่างเป็นทางการ ,Escape the ERA , Alone In The City
วันที่ 13 มกราคม ดรีมแคตเชอร์ได้จัด Dreamcatcher 1st Anniversary Fan Meeting ที่โรงละครของมหาวิทยาลัยซอกัง (Mary Hall Grand Theatre at Sogang University)
วันที่ 3 มีนาคม ได้จัด Dreamcatcher 1st concert : Welcome to the Dream World in Seoul ที่ Seoul Shinsegye Mesa Hall
วันที่ 10 พฤษภาคม ได้ปล่อยมินิอัลบั้มที่ 2 Escape the ERA โดยมีเพลง YOU AND I เป็นเพลงโปรโมต เป็นแนวเพลงออร์เคสตร้าร็อค คัมแบคครั้งนี้ได้รับกระแสการตอบรับที่ดีมากขึ้น ด้วยทำนองเพลงระดับความติดหูดีเยี่ยม การแสดงความสามารถเพิ่มของดามิด้วยการควงไม้ Metal appearing cane magic trick
วันที่ 20 กันยายน ได้ปล่อยมินิอัลบั้มที่ 3 Alone In The City โดยมีเพลง WHAT เป็นเพลงโปรโมต เป็นแนวเพลงซิมโฟนิกร็อค
วันที่ 21 พฤศจิกายน ได้ปล่อยซิงเกิลอัลบั้มญี่ปุ่นแรก ในชื่อ What -Japanese ver.- โดยในอัลบั้มมีเพลงทั้งหมด 3 เพลง คือ What, Chase Me, เป็นภาษาญี่ปุ่น และเพลง I Miss You
พ.ศ. 2562 : ครบรอบ 2 ปีที่เดบิวท์ ,The End of Nightmare , ประกาศสีวงอย่างเป็นทางการ , Raid of Dream ,แฟนมีตติ้งอินซอมเนีย
พ.ศ. 2562 ดรีมแคตเชอร์ได้ปล่อยซิงเกิ้ลอัลบั้มดิจิตอล เพลง Over the sky ในวันที่ 16 มกราคม เพื่อฉลองครบรอบ 2 ปีที่เดบิวท์
วันที่ 13 กุมภาพันธ์ ได้ปล่อยมินิอัลบั้มที่ 4 The End of Nightmare โดยมีเพลง PIRI เป็นเพลงโปรโมต เป็นแนวเพลงแทร็ปป๊อปแอนด์ร็อค คัมแบคครั้งนี้ได้รับกระแสการตอบรับที่ดีมากขึ้น ด้วยท่อนที่เป็นภาพจำต่าง ๆ ทำนองเพลงระดับความติดหูดีเยี่ยม การแสดงสีหน้าในการแสดง และการเปลี่ยนแปลงของกาฮย็อนในเรื่องของภาพลักษณ์ การแสดงสีหน้าและความสามารถในการแร็ป
วันทีี่ 13 มีนาคม ได้ปล่อยซิงเกิลอัลบั้มญี่ปุ่นที่ 2 PIRI ~ 笛を吹け ~ -Japanese ver.- โดยในอัลบั้มมีเพลงทั้งหมด 3 เพลง คือ PIRI ~ Fue wo Fuke ~, Good Night และ Wonderland เป็นภาษาญี่ปุ่น
วันที่ 30 มิถุนายน ได้ประกาศสีประจำวง หรือ Official colors โดยสีประจำวงหรือ Official colors คือ PANTONE Black 6 C PANTONE 7623 C PANTONE P 10-6 C
วันที่ 11 กันยายน ได้ปล่อยสตูดิโออัลบั้มญี่ปุ่นแรก “The Beginning of the End” โดยมีเพลง Breaking Out เป็นเพลงไตเติ้ล มีเพลงใหม่คือ My Way ~ Kono Michi no Sakie ~ และ Mata Hitori ni Natta และยังเอาเพลงจากสองซิงเกิลอัลบั้มญี่ปุ่นมาประกอบด้วย
วันที่ 18 กันยายน ได้ปล่อยสเปเชียลมินิอัลบั้ม Raid of Dream ด้วยเพลงโปรโมตติดหูอย่าง Deja Vu ซึ่ง MV นี้ได้เนื้อเรื่องมาจากเกม King's raid และได้ไปเป็นเพลงประกอบเกมอีกเช่นกัน เป็นแนวเพลงบัลลาดร็อค คัมแบคครั้งนี้ได้รับกระแสการตอบรับที่ดีมากขึ้นมาก เป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งยิ่งใหญ่ในเรื่องของแนวเพลง
วันที่ 20 ตุลาคม ได้จัดงาน Dreamcatcher 1st Official Fanclub Fan Meeting “InSomnia” ที่หอประชุม MUV (무브홀 MUV Hall)
พ.ศ. 2563 : Dystopia : The Tree of Language , Millenasia Project , Collab with Girl Cafe Gun , Dystopia : Lose Myself,การกลับมาของฮันดงพร้อมโซโล่
วันที่ 18 กุมภาพันธ์ ดรีมแคตเชอร์ได้ปล่อยสตูดิโออัลบั้มเต็มอัลบั้มแรก Dystopia : The Tree of Language ด้วยเพลงโปรโมตที่แปลกใหม่อย่าง Scream เป็นแนวเพลงอีดีเอ็มเมทัล ท่าเต้นแปลกใหม่น่าสนใจอีกเช่นเคย ทำให้กระแสของวงดีขึ้นจากเมื่อก่อนเยอะขึ้นเริ่มได้รับความสนใจและเป็นที่นิยมมากกว่าเมื่อก่อน แต่น่าเสียดายที่ ฮันดง ไม่ได้เข้าร่วมโปรโมตในการคัมแบคครั้งนี้ด้วยอย่างน่าเสียดาย เนื่องจากได้เข้าร่วมรายการชื่อดังของประเทศจีน Youth With You 2 ซึ่งดรีมแคตเชอร์ก็ได้ทำการคัมแบคโปรโมตด้วยสมาชิกเพียง 6 คนเท่านั้น
วันที่ 11 มีนาคม ได้ปล่อยซิงเกิลอัลบั้มญี่ปุ่นที่ 3 Endless Night โดยมีเพลง Endless Night เป็นเพลงไตเติ้ล
ดรีมแคตเชอร์เข้าร่วมโปรเจ็ค Millenasia โดยมี Alexa IN2IT เข้าร่วมร้องเพลง Be the future เต้นและถ่ายทำ MV ด้วยกัน และเพลงนี้มีเนื้อหาเกี่ยวกับ Social distancing COVID19 เพลงได้ถูกปล่อยออกมาเมื่อวันที่ 30 เมษายน
วันที่ 8 กรกฎาคม ชียอนได้ร้องเพลง Good Sera (OST Part.1) ซึ่งเป็นเพลงประกอบซีรีส์เรื่อง Into The Ring (출사표)
"Be The Future" (กับอเล็กซ่าและอินทูอิต ในโครงการ Millenasia)
—
—
—
—
—
"R.o.S.E Blue (Prod. ESTi)"
—
—
—
—
—
"BOCA"
รอประกาศ
Dystopia: Lose Myself
"No More"
No More
"Eclipse"
Eclipse
"Odd Eye"
Dystopia: Road to Utopia
"BEcause"
Summer Holiday
"MAISON"
Apocalypse : Save Us
"Vision"
Apocalypse : Follow Us
"REASON"
REASON
"BON VOYAGE"
Apocalypse : From Us
"OOTD"
VillainS
"JUSTICE"
VirtuouS
"My Christmas Sweet Love"
My Christmas Sweet Love
"—" หมายถึงเพลงนั้นไม่ได้อยู่ในชาร์ต
กิจกรรมทัวร์คอนเสิร์ต และ กิจกรรมต่าง ๆ
พ.ศ. 2560
วันที่ 30 กรกฎาคม 2560 ได้จัด Dreamcatcher 1st Fan Meeting : Welcom to the Dream World (ครบรอบ 200 วัน ตั้งแต่เดบิวท์) ที่หอประชุมศิลปะอิลจิ (ILJI Art Hall)
วันที่ 30 กันยายน และ 9 ตุลาคม 2560 ได้จัด Dreamcatcher 1st concert “Fly high” in Japan เมือง Osaka และเมือง Tokyo
วันที่ 1 - 12 ธันวาคม ได้จัด Dreamcatcher 1st Tour in Brazil [Fansign Tour] เมือง Recife, เมือง Rio, เมือง Brasília, เมือง São Paulo และ [Showcase] เมือง São Paulo
พ.ศ. 2561
วันที่ 13 มกราคม 2561 ได้จัด Dreamcatcher 1st Anniversary Fan Meeting ที่โรงละครของมหาวิทยาลัยซอกัง (Mary Hall Grand Theatre at Sogang University)
วันที่ 14 - 25 กุมภาพันธ์ 2561 ได้จัด Dreamcatcher 1st Tour “Fly high” in Europe ที่ประเทศอังกฤษ เมือง London, ประเทศโปรตุเกส เมือง Lisbon, ประเทศสเปน เมือง Madrid, ประเทศเนเธอร์แลนด์ เมือง Amsterdam, ประเทศเยอรมันนี เมือง Berlin, ประเทศโปแลนด์ เมือง Warsaw และ ประเทศฝรั่งเศส เมือง Paris
วันที่ 3 มีนาคม 2561 ได้จัด Dreamcatcher 1st concert : Welcome to the Dream World in Seoul ที่ Seoul Shinsegye Mesa Hall
วันที่ 21 มิถุนายน 2561 ได้จัด Dreamcatcher 1st concert : Welcome to the Dream World in Taipei
วันที่ 14 กรกฎาคม 2561 ได้จัด Dreamcatcher 2nd concert : Welcome to the Dream World in Japan
วันที่ 27 และ 29 กรกฎาคม และ 1 - 5 สิงหาคม 2561 ได้จัด Dreamcatcher 1st concert : Welcome to the Dream World in Latin America ประเทศอาร์เจนตินา เมือง Buenos Aires, ประเทศชิลี เมือง Santiago, ประเทศเปรู เมือง Lima, ประเทศโคลอมเบีย เมือง Bogota และ ประเทศปานามา Panama City
วันที่ 10 สิงหาคม 2561 Dreamcatcher 1st US Fan Meeting “Dream of us in LA”
วันที่ 12 สิงหาคม 2561 Dreamcatcher ทำการแสดงที่ KCON LA 2018
วันที่ 7 พฤศจิกายน 2562 ประเทศฟินแลนด์ เมือง Helsinki
Dreamcatcher Concert : Invitation from Nightmare City in USA *ฮันดงไม่ได้เข้าร่วมการแสดงทัวร์ที่อเมริกา คาดว่าเตรียมตัวสำหรับการแข่ง 青春有你 2 (Youth with You 2)
วันที่ 6 ธันวาคม 2562 เมือง Los Angeles/LA
วันที่ 7 ธันวาคม 2562 เมือง Chicago
วันที่ 11 ธันวาคม 2562 เมือง Dallas
วันที่ 13 ธันวาคม 2562 เมือง Orlando
วันที่ 15 ธันวาคม 2562 เมือง Jersey City
วันที่ 22 ธันวาคม 2562 ได้จัด Dreamcatcher Christmas Fan Meeting in Japan เมือง Tokyo พร้อมกับประกาศจะปล่อยซิงเกิ้ลอัลบั้มญี่ปุ่น Endless Night ในเดือนมีนาคม 2563
พ.ศ. 2563
วันที่ 21 มีนาคม 2563 ได้ทำการแสดง KCON:TACT 3
วันที่ 4 กรกฎาคม 2563 ได้จัด Dreamcatcher 1st Online Concert : Global Streaming into the Night & Dystopia *ฮันดงไม่ได้เข้าร่วมการแสดงคอนเสิร์ตในครั้งนี้ เพราะยังต้องกักตัวที่จีนและปัญหาของหนังสือเดินทางของอู่ฮั่น