วิมานลอย เป็นดรามาจินตนิยม (romance drama) ที่มีชื่อเสียง
ในภาพยนตร์ และโทรทัศน์ ดรามา หรือ นาฏกรรม บ้างเรียก ภาพยนตร์ชีวิต หรือ ละครชีวิต [ 1] [ 2] [ 3] (อังกฤษ : Drama ) เป็นประเภทของเรื่องเล่า บันเทิงคดี (หรือกึ่งบันเทิงคดี ) ที่มีความเอาจริงเอาจังกว่าความตลกขบขัน เชิงโทน (tone)[ 4] ดรามาประเภทนี้มักได้รับการยอมรับอย่างเป็นกิจลักษณะด้วยคำศัพท์เพื่ออธิบายความเฉพาะของประเภทย่อยมาก (super-genre), ประเภทย่อยที่หลากหลาย (macro-genre) หรือ ประเภทย่อยน้อย (micro-genre)[ 5] เช่น ละครชุดชาวบ้าน (soap opera), ดรามาอาชญากรรมตำรวจ , ดรามาการเมือง , ดรามากฎหมาย , ดรามาอิงประวัติศาสตร์ , ดรามาครอบครัว (domestic drama), ดรามาวัยรุ่น (teen drama), และ หัสนาฏกรรม (comedy drama, dramedy) คำศัพท์เหล่านี้มีไว้เพื่อชี้ให้เห็นถึงฉากท้องเรื่อง (setting) หรือสาระสำคัญของเรื่องอย่างเจาะจง มิฉะนั้น จะถูกมองเป็นอื่นว่ามีโทนดรามาที่เอาจริงเอาจังกว่าโดยส่วนประกอบที่ส่งเสริมกรอบของอารมณ์ (mood) ที่กว้างกว่า ด้วยเหตุนี้ องค์ประกอบหลักของดรามาคือการเกิดขึ้นของความขัดแย้ง ,[ 6] อารมณ์, สังคม หรือองค์ประกอบอื่น และการแก้ปัญหานั้น ๆ ในลำดับเหตุการณ์ของเนื้อเรื่อง
ภาพยนตร์ หรือรายการโทรทัศน์ ทุกรูปแบบที่มีความเกี่ยวข้องกับเรื่องบันเทิงคดี (fictional stories) คือหนึ่งในรูปแบบของนาฏกรรมโดยภาพรวม หากการเล่าเรื่องนั้นสำเร็จผ่านนักแสดง ผู้ทำหน้าที่แทนเป็น (การจำลอง [ 6] [ a] ) ตัวละคร ในความหมายที่กว้างขึ้น ดรามาคืออารมณ์ (mode) ซึ่งแตกต่างจากนวนิยาย , เรื่องสั้น , และกวีนิพนธ์ เรื่องเล่า (narrative poetry) หรือเพลง [ 7] ในยุคสมัยใหม่ก่อนการเกิดขึ้นของภาพยนตร์หรือรายการโทรทัศน์ "ดรามา" ในโรงภาพยนตร์ เป็นส่วนหนึ่งในประเภทของละครเวที ซึ่งไม่ใช่ทั้งสุขนาฏกรรม หรือโศกนาฏกรรม ดังนั้นจึงมีการสร้างความหมายให้แคบลงโดยอุตสาหกรรมภาพยนตร์หรือโทรทัศน์ อย่างไรก็ดีการจำกัดความสำหรับ "ละครวิทยุ " นั้นสามารถแสดงประเภทของละครเวทีได้ทั้งสองแบบ[ 8]
รูปแบบของดรามา
อนุกรมวิธานนักประพันธ์บท (Screenwriters Taxonomy) โต้เถียงว่าการแบ่งประเภทภาพยนตร์หรือรายการโทรทัศน์นั้นอิงจากบรรยากาศ, ตัวละคร และเรื่องราว[ 5] ด้วยเหตุนี้การแบ่งประเภทว่าเป็น "ดรามา" และ "สุขนาฏกรรม" นั้นกว้างเกินไปที่จะได้รับการพิจารณาว่าเป็นประเภท ดังนั้น อนุกรมวิธานอธิบายว่าดรามาเป็น "รูปแบบ" (type) โดยมีอย่างน้อย 10 รูปแบบย่อย[ 9] เช่น:
ดรามากึ่งสารคดี
ดรามากึ่งสารคดี (docudrama) คือ การแปลงให้เป็นบทละครหรือภาพยนตร์ของเหตุการณ์จริงโดยไม่ได้มีความถูกต้องเสมอไป และข้อเท็จจริงทั่วไปนั้นมีความจริงอยู่มากหรือน้อย[ 10] ความแตกต่างระหว่างดรามากึ่งสารคดีและสารคดีนั้น สารคดีใช้บุคคลจริงเพื่ออธิบายประวัติศาสตร์หรือเหตุการณ์ปัจจุบัน ขณะที่ดรามากึ่งสารคดีใช้นักแสดงที่ได้รับการฝึกฝนอย่างเชี่ยวชาญเพื่อสวมบทบาทในเหตุการณ์จริงซึ่งได้่รับการแปลงบทเล็กน้อย ตัวอย่างเช่น อาชญากรซ่อนเขี้ยว (ค.ศ. 2015) และ ตามล่ารหัสฆ่าฆาตกรอำมหิต (ค.ศ. 2007)
บันเทิงคดีอิงเอกสาร
บันเทิงคดีอิงเอกสาร (docufiction) ซึ่งแตกต่างจากดรามากึ่งสารคดีที่บันเทิงคดีเอกสารเป็นการรวมกันระหว่างสารคดีและบันเทิงคดีเข้าด้วยกัน โดยมีภาพหรือเหตุการณ์จริงผสมรวมเข้ากับฉากที่สร้างขึ้นใหม่[ 11]
หัสนาฏกรรม
ไฮเปอร์ดรามา
ไลท์ดรามา
ดรามาจิตวิทยา
ดรามาเสียดสี
ดรามาเสียดสี (satire) อาจมีอารมณ์ขันแทรกอยู่ แต่ผลลัพธ์โดยทั่วไปนั้นคือการวิจารณ์สังคมอย่างแหลมคมซึ่งจะไม่ใช่เรื่องตลกแม้แต่น้อย ดรามาเสียดสีมักใช้การแฝงนัย (irony) หรือ การกล่าวเกินจริง เพื่อเปิดเผยความผิดพลาดในสังคมหรือบุคคลผู้มีอิทธิพลต่ออุดมการณ์ของสังคม[ 15] เช่น อัจฉริยะผ่าโลกเพี้ยน (ค.ศ. 2006) และ กิวฟอร์สโมกกิง (ค.ศ. 2005)
ดราม่ากฎหมาย
ดราม่ากฎหมาย (Legal drama) เป็นประเภทหนึ่งของแนวดราม่า ที่เกี่ยวกับศาล กฎหมาย ทนายความ และความยุติธรรม โดยภาพยนตร์และละครโทรทัศน์แนวนี้ มักจะเกี่ยวกับการสมรส หย่าร้าง และการเรียกร้องความยุติธรรม ของตัวละคร
ดราม่า อาชญากรรม
ดราม่า อาชญากรรม (Crime drama) เป็นประเภทย่อยของแนวดราม่าที่ผสมกับแนวอาชญากรรม โดยภาพยนตร์และละครโทรทัศน์แนวนี้จะเกี่ยวกับชีวิตของอาชญากร เช่น การปล้นธนาคาร ขโมยทรัพย์สิน การก่อจลาจล และการเป็นนักเลง
อ้างอิง
↑ พลอยพรรณ มาคะผล. ละครรีเมกกับการถ่ายโยงเนื้อหาในละครโทรทัศน์ไทย
↑ ทิพย์ภาศิริ แก้วเทศ. การเปลี่ยนผ่านละครโทรทัศน์ไทยจากยุคแอนะล็อกสู่ยุคดิจิทัล
↑ ศูนย์สำรวจความคิดเห็น "นิด้าโพล". "ประเภทของภาพยนตร์ที่โดนใจคนไทยมากที่สุด"
↑ "Drama" . Merriam-Webster, Incorporated. 2015. a play, movie, television show, that is about a serious subject and is not meant to make the audience laugh
↑ 5.0 5.1 Williams, Eric R. (2017). The screenwriters taxonomy : a roadmap to collaborative storytelling . New York, NY: Routledge Studies in Media Theory and Practice. ISBN 978-1-315-10864-3 . OCLC 993983488 .
↑ 6.0 6.1 6.2 6.3 ราชบัณฑิตยสถาน. ศัพท์วรรณกรรม (พิมพ์ครั้งที่ ๒ (แก้ไขเพิ่มเติม) พ.ศ. ๒๕๖๑) ราชบัณฑิตยสถาน
↑ Elam (1980, 98).
↑ Banham (1998, 894–900).
↑ Williams, Eric R. (2017). Screen adaptation : beyond the basics : techniques for adapting books, comics, and real-life stories into screenplays . New York: Focal Press. ISBN 978-1-315-66941-0 . OCLC 986993829 .
↑ "Documentary Is Never Neutral | History" . www.documentaryisneverneutral.com . สืบค้นเมื่อ 2020-06-16 .
↑ "Producing Docu-Fiction | Center for Documentary Studies at Duke University" . documentarystudies.duke.edu . สืบค้นเมื่อ 2020-06-16 .
↑ Williams, Eric R. (2019). Falling in Love with Romance Movies (Episode #3 Comedy and Tragedy: Age Does Not Protect You ) (ภาษาอังกฤษ). Audible.
↑ Jones, Phil, 1958 April 22- (2007). Drama as therapy : theory, practice, and research (2nd ed.). London: Routledge. ISBN 978-0-415-41555-2 . OCLC 85485014 . {{cite book }}
: CS1 maint: multiple names: authors list (ลิงก์ )
↑ "Subgenre - Psychological Drama" . AllMovie (ภาษาอังกฤษ). สืบค้นเมื่อ 2021-05-20 .
↑ Williams, Eric R. (2019). Falling in Love with Romance Movies (Episode #8 Satire and Social Commentary) (ภาษาอังกฤษ). Audible.
แหล่งข้อมูล
Banham, Martin, ed. 1998. The Cambridge Guide to Theatre. Cambridge: Cambridge University Press. ISBN 0-521-43437-8 .
Cook, Pam, and Mieke Bernink, eds. 1999. The Cinema Book. 2nd ed. London: British Film Institute. ISBN 0-851-70726-2 .
Elam, Keir. 1980. The Semiotics of Theatre and Drama . New Accents ser. London and New York: Methuen. ISBN 0-416-72060-9 .
Hayward, Susan. 1996. Key Concepts in Cinema Studies. Key Concepts ser. London: Routledge. ISBN 0-415-10719-9 .
Neale, Steve. 2000. Genre and Hollywood. London: Routledge. ISBN 0-415-02606-7 .
Sheehan, Helena. 1987. Irish Television Drama: A Society and Its Stories ISBN 0-86029-011-5 .
Williams, Eric R. (2017) The Screenwriters Taxonomy: A Roadmap to Creative Storytelling. New York, NY: Routledge Press, Studies in Media Theory and Practice. ISBN 978-1-315-10864-3 .