ซัมติง
"ซัมติง" (อังกฤษ: Something) เป็นเพลงของวงเดอะบีเทิลส์ ในปี ค.ศ. 1969 เป็นเพลงที่บรรจุอยู่ในอัลบั้มชุด แอบบีโรด เพลงนี้เป็นเพลงแรกที่ซิงเกิลหน้าเอที่จอร์จ แฮร์ริสันเขียน และถือเป็นซิงเกิลแรกของเดอะบีเทิลส์ที่มีเพลงที่มีอยู่แล้วในอัลบั้มบรรจุอยู่ด้วย ทั้งเพลง "ซัมติง" และเพลง "คัมทูเกตเตอร์" ที่อยู่ในอัลบั้ม แอบบีโรด และเพลง "ซัมติง" ถือเป็นเพลงเดียวที่แฮร์ริสันแต่งแล้วขึ้นอันดับ 1 บนชาร์ตอเมริกันขณะที่ยังอยู่ในวงเดอะบีเทิลส์ จอห์น เลนนอนและพอล แม็กคาร์ตนีย์ ในฐานะสมาชิกหลักผู้เขียนเพลงของวง ทั้งคู่ต่างยกย่องว่าเพลง "ซัมติง" เป็นเพลงที่ดีที่สุดที่แฮร์ริสันเขียนมา ทั้งนี้เพลงยังได้รับการตอบรับที่ดี ซิงเกิลประสบความสำเร็จด้านยอดขาย ติดอันดับ 1 บนบิลบอร์ดฮอต 100 ในสหรัฐอเมริกา และยังติดท็อป 10 ในชาร์ตสหราชอาณาจักร หลังจากวงได้แตกไป ศิลปินอื่นกว่า 150 ศิลปินก็นำเพลงนี้มาทำใหม่ รวมถึง เอลวิส เพรสลีย์, เชอร์ลีย์ บาสเซย์, แฟรงก์ ซินาตรา, โทนี เบนเนตต์, เจมส์ บราวน์, ฮูลิโอ อีเกลเซียส, สโมกีย์ โรบินสัน และโจ ค็อกเกอร์ ถือเป็นเพลงที่ถูกนำมาทำใหม่มากที่สุดของวงเดอะบีเทิลส์เป็นอันดับ 2 รองจากเพลง "เยสเตอร์เดย์"[2] การเขียนเพลงในช่วงระหว่างการบันทึกเสียงอัลบั้ม เดอะบีเทิลส์ ในปี ค.ศ. 1968 (อัลบั้มมีอีกชื่อว่า ไวต์อัลบั้ม ด้วย) แฮร์ริสันเริ่มทำงานเพลงจนท้ายสุดเป็นที่รู้จักในเพลง "ซัมติง" เนื้อเพลงแรก ("Something in the way she moves/Attracts me like no other lover") ดัดแปลงมาจากผลงานเพลงของศิลปินร่วมค่ายแอปเปิ้ลอย่าง เจมส์ เทย์เลอร์[3] ที่ชื่อว่า "ซัมติงอินเดอะเวย์ชีมูฟ" (อังกฤษ: Something In The Way She Moves) โดยใช้เนื้อเป็นส่วนเติมขณะที่กำลังพัฒนาเมโลดี้ของเพลงอยู่ ต่อมาแฮร์ริสันออกมาเปิดเผยว่า "ขณะที่ผมกำลังหยุดพักระหว่างที่พอลกำลังบันทึกเสียงซ้ำอยู่ ผมก็ไปสตูดิโอว่าง ๆ แล้วเริ่มเขียนเพลง ทั้งหมดเกิดขึ้นที่นั่น ยกเว้นตรงกลางที่แยกออกมาตะหาก มันไม่ได้บรรจุอยู่ใน ไวต์อัลบั้ม เพราะว่าเราทำเพลงครบแล้วสำหรับอัลบั้มดังกล่าว"[4] เดโมของเพลงนี้ในช่วงนี้มีบรรจุอยู่ในอัลบั้มชุดรวมเพลง บีตเทิลส์แอนโธโลจี 3 ที่ออกจำหน่ายในปี ค.ศ. 1996 มีหลายคนคิดว่า เพลงนี้แฮร์ริสันได้รับแรงบันดาลใจการแต่งมาจากภรรยาของเขาในเวลานั้นที่ชื่อ แพตตี บอยด์ ซึ่งบอยด์ก็ระบุเช่นกันในงานอัตชีวประวัติของเธอในปี ค.ศ. 2007 ที่ชื่อ วันเดอร์ฟูลทูไนต์ โดยเธอเขียนไว้ว่า "เขาบอกฉัน ไม่ทางใดก็ทางหนึ่งว่า เขาเขียนเพลงนี้ให้ฉัน"[5] อย่างไรก็ตาม แฮร์ริสันเอ่ยถึงแรงบันดาลใจอื่นที่ต่างกัน จากบทสัมภาษณ์ในปี ค.ศ. 1996 เขาตอบคำถามว่าเพลงนี้เกี่ยวกับแพตตีหรือไม่ เขาตอบว่า "เปล่า ผมไม่ได้เขียนเพลงนี้ให้เธอ ผมแค่เขียนมันและมีบางคนนำมาใส่ในวิดีโอ เขาใส่ภาพของผมกับแพตตี พอลและลินดา ริงโก้และเมอรีน จอห์นกับโยโกะ พวกเขาได้ทำวิดีโอประมาณนั้น จากนั้นทุก ๆ คนก็เดาว่าผมเขียนเพลงนี้เกี่ยวกับแพตตี แต่จริง ๆ แล้วตอนที่ผมเขียน ผมนึกถึงเรย์ ชาร์ลส"[6] แต่เดิมแฮร์ริสันตั้งใจจะเสนอเพลงให้ แจ็กกี โลแมกซ์ ที่เขาร่วมเรียบเรียงเพลงก่อนหน้าของแฮร์ริสัน ในเพลงที่ชื่อ "ซาวร์มิลก์ซี" แต่ก็ยกเลิกไป เพลงให้โจ ค็อกเกอร์ไป (เขานำเพลงของเดอะบีเทิลส์ไปทำใหม่ก่อนหน้านี้ในเพลง "วิธอะลิตเทิลเฮลป์ฟอร์มมายเฟรนส์") เพลงในเวอร์ชันของค็อกเกอร์ออกก่อนเดอะบีเทิลส์ 2 เดือน และในระหว่างบันทึกเสียงอัลบั้มชุด เกตแบ็ก ที่ในที่สุดใช้ชื่อว่า เลตอิตบี แฮร์ริสันพิจารณาว่าจะให้มีเพลง "ซัมติง" บรรจุอยู่ในอัลบั้ม แต่ท้ายสุดก็ยกเลิกไปเนื่องจากกลัวไม่ได้รับการเอาใจใส่ในการบันทึกเสียงอย่างเพียงพอ ซึ่งก่อนหน้านั้นเพลง "โอลด์บราวน์ชู" ก็ไปได้ไม่ดีสำหรับวง[7] เดอะบีเทิลส์ก็ได้บันทึกเสียงในระหว่างการบันทึกอัลบั้ม แอบบีโรด ที่พวกเขาเริ่มเอาจริงเอาจังกับเพลง "ซัมติง" การทำงาน"ซัมติง" บันทึกเสียงในระหว่างการทำงานชุด แอบบีโรด บันทึก 52 ครั้งใน 2 ช่วงเวลาหลักใหญ่ ๆ ครั้งแรกของการบันทึกเดโมเกิดขึ้นในวันเกิดครบรอบ 26 ปีของแฮร์ริสัน ในวันที่ 25 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1969 ตามมาด้วยอีก 13 ชุดของการอัดตัดเสียงร้องในวันที่ 16 เมษายน ส่วนการบันทึกครั้งใหญ่ครั้งที่ 2 บันทึก 39 ครั้งโดยเริ่มเมื่อวันที่ 2 พฤษภาคม ค.ศ. 1969 บันทึกท่อนหลักของเพลงกับการบันทึกกว่า 36 ครั้ง จนเสร็จสิ้นเมื่อวันที่ 15 สิงหาคม ค.ศ. 1969 หลังจากหลายวันในการทำการบันทึกเสียงซ้ำ[8] ต้นฉบับเพลงดั้งเดิมที่เดอะบีเทิลส์ใช้ในช่วงสุดท้ายมีความยาว 8 นาที ที่เลนนอนเล่นเปียโนในตอนจบ (ซึ่งบันทึกเสียงภายหลัง เพราะเลนนอนไม่ได้อยู่ร่วมระหว่างการบันทึกเสียงหลายครั้งแรก ๆ) ในส่วนกลางมีเคาน์เตอร์-เมโลดี้ (สอดแทรกประสานเมโลดี้) ในงานดั้งเดิม แต่ทั้งเคาน์เตอร์-เมโลดี้และเสียงเปียโนของเลนนอนก็ถูกตัดออกในตอนสุดท้าย แต่เสียงเปียโนของเลนนอนก็ไม่ได้ลบออกจนหมด บางส่วนสามารถได้ยินในท่อนมิดเดิลเอจต์ (หรือท่อนเชื่อม) โดยเฉพาะในท่อนที่เล่นลดต่ำลงเหลือบันไดเสียงซีเมเจอร์ ตัวอย่างเช่น ท่อนเชื่อมโซโลกีตาร์ของแฮร์ริสัน ส่วนเสียงเปียโนของเลนนอนที่ถูกตัดออกไป ภายหลังเป็นส่วนสำคัญในเพลง "รีเมมเบอร์" ของเลนนอน สำหรับในวิดีโอประชาสัมพันธ์ของเพลง "ซัมติง" ถ่ายขึ้นในระยะเวลานั้น ๆ ก่อนที่จะแตกวง ซึ่งในช่วงนั้นวงได้แยกกันแล้ว ดังนั้นในส่วนวิดีโอมีภาพคลิปที่แยกกันไปของสมาชิกแต่ละครเดินที่บ้านตัวเอง รวมถึงภรรยา และนำมาตัดต่อเข้าด้วยกัน[9] องค์ประกอบนักร้องนำของเพลง "ซัมติง" คือจอร์จ แฮร์ริสัน เพลงมีจังหวะความเร็วประมาณ 66 ครั้งต่อนาที และมีจังหวะต่อเนื่องเช่นนี้ตลอดทั้งเพลง เมโลดี้เริ่มต้นที่คีย์ ซีเมเจอร์ ต่อเนื่องในคีย์นี้ตลอดในส่วนอินโทรและ 2 ท่อนร้องแรก จนท่อนแยก (ท่อนบริดจ์) ที่มีความยาว 8 ห้องจะเป็นคีย์ เอเมเจอร์ หลังจากท่อนแยก เมโลดี้จะกลับมาที่คีย์ซีเมเจอร์ ในท่อนโซโลกีตาร์แล้วมาท่อนร้องท่อนที่ 3 จึงถึงท่อนออกเพลง[10] และถึงแม้ว่าเดอะบีเทิลส์เริ่มทีจะพยายามทำในรูปแบบอคูสติกที่ดูคมกว่า แต่ก็ถูกกลบไปกับท่อนแทรกประสาน เดโมในเวอร์ชันอคูสติกที่มีท่อนแทรกประสานต่อมานำมาออกในส่วนหนึ่งของอัลบั้มชุด แอนโธโลจี 3 ในส่วนท่อนแทรกที่เป็นท่อนแทรกประสาน ภายหลังกลายเป็นท่อนพักของเครื่องดนตรีแทน และทำให้เพลงดูเบาลงโดยใช้เครื่องสายนำ เรียบเรียงโดยจอร์จ มาร์ติน โปรดิวเซอร์ของวงเดอะบีเทิลส์[11] ไซมอน เลงพูดว่า ธีมของเพลงนี้น่ากังขาและคลุมเครือ[12] ริชชี อันเตอร์เบอร์เกอร์แห่งออลมิวสิก บรรยายไว้ว่า "เป็นเพลงรักที่ตรงไปตรงมาอย่างไม่แสดงความขวยเขินและซาบซึ้ง" ในขณะเดียวกัน "เพลงส่วนมากของเดอะบีเทิลส์จะมีเนื้อหาไม่โรแมนติกหรือแสดงเนื้อเพลงที่กำกวมและพูดเป็นนัย เมื่อพวกเขาเขียนเพลงรัก"[11] การตอบรับอัลบั้ม แอบบีโรด ถือเป็นอัลบั้มแรกอย่างเป็นทางการที่มีเพลง "ซัมติง" บรรจุอยู่ ซึ่งออกวางขายเมื่อวันที่ 26 กันยายน ค.ศ. 1969 ในสหราชอาณาจักร โดยในสหรัฐอเมริกาออกขายหลังจากนั้นเมื่อวันที่ 1 ตุลาคม และสามารถติดชาร์ตอันดับ 1 ทั้ง 2 ประเทศ[13][14] หลังจากนั้นไม่กี่วัน ในวันที่ 6 ตุลาคม มีการออกวางขาย "ซัมติง" ในรูปแบบซิงเกิลหน้าเอคู่ กับเพลง "คัมทูเกตเตอร์" ในสหรัฐอเมริกา ถือเป็นซิงเกิลแรกของแฮร์ริสันที่เขาแต่งและติดอันดับ 1 ของวงเดอะบีเทิลส์[15] ถึงแม้ว่าซิงเกิลจะติดชาร์ตหลังจากการออกขายเมื่อวันที่ 18 ตุลาคม ก็เกิดความสงสัยเกี่ยวกับความเป็นไปได้ที่ซิงเกิล "ซัมติง" ที่ติดชาร์ตอันดับ 1 บนชาร์ตอเมริกัน ผลการนับของยอดขายและยอดการออกอากาศที่ หน้าเอ และ หน้าบี แยกกัน ที่ตามหลักแล้วเพลงจะแยกอันดับกัน โดย "คัมทูเกตเตอร์" เป็นคู่แข่งของ "ซัมติง" ในเรื่องความนิยม และเป็นการยากลำบากที่ใน 2 เพลงนี้ของซิงเกิลจะขึ้นอันดับ 1 อย่างไรก็ตาม ในวันที่ 29 พฤศจิกายน ชาร์ตบิลบอร์ดก็เริ่มรวมอันดับเพลงของทั้งหน้าเอ และหน้าบี เข้าสู่การนับผล ในซิงเกิลเดียวกัน ผลก็คือซิงเกิล "คัมทูเกตเตอร์/ซัมติง" ขึ้นเป็นอันดับ 1 บนชาร์ตอเมริกันเป็นเวลา 1 สัปดาห์ จนกระทั่งหลุดออกจากชาร์ตไปในอีก 2 เดือนถัดมา (ส่วนในชาร์ต แคชบ็อกซ์ซิงเกิลส์ชาร์ต ที่ยังนับผลของทั้ง 2 หน้าของซิงเกิลแยกกัน เพลง "ซัมติง" ขึ้นสูงสุดอันดับ 2 ส่วนเพลง "คัมทูเกตเตอร์" ติดอันดับ 1 นาน 3 สัปดาห์) ซิงเกิลยังมียอดขายระดับแผ่นเสียงทองคำ หลังจาก 3 สัปดาห์ที่ออกวางขาย และต่อมาในปี 1999 ก็มีการปรับระดับยอดขายเป็นแผ่นเสียงทองคำขาว[15] ในสหราชอาณาจักร "ซัมติง" ออกจำหน่ายวันที่ 31 ตุลาคม ถือเป็นซิงเกิลแรกของวงเดอะบีเทิลส์ที่เป็นเพลงของแฮร์ริสันในหน้าเอ และยังเป็นซิงเกิลแรกของวงที่มีบรรจุอยู่ในอัลบั้มแล้ว[16] "ซัมติง" ติดชาร์ตสัปดาห์แรกเมื่อวันที่ 8 พฤศจิกายน และไต่อันดับสูงสุดที่อันดับ 4 ก่อนที่จะตกลงไปจากชาร์ตหลังจากอยู่ในชาร์ตนานร่วม 3 เดือนหลังออกจำหน่าย ในสหราชอาณาจักร เชอร์ลีย์ บาสเซย์ นำเพลงนี้มาทำใหม่ติดอันดับสูงสุดที่อันดับ 4[9] ถึงแม้ว่าแฮร์ริสันจะมองข้ามเพลงของเขาเอง โดยต่อมาเขากล่าวว่า "เขาเก็บเพลงนี้ไว้ราว 6 เดือนเพราะคิดว่ามันง่ายเกินไป"[17] ทั้งเลนนอนและแม็กคาร์ตนีย์ต่างก็ออกมากล่าวว่า พวกเขาคิดว่า "ซัมติง" เป็นเพลงที่ดี เลนนอนยังพูดว่า "ผมคิดว่า จริง ๆ แล้วมันดูเหมือนเป็นเพลงที่ดีที่สุดในอัลบั้ม" ขณะที่แม็กคาร์ตนีย์พูดว่า "สำหรับผมแล้ว เป็นเพลงที่ดีที่สุดที่เขาเขียนเลย"[4] ทั้งคู่เคยเมินเฉยต่อการแต่งเพลงของแฮร์ริสันก่อนหน้าการแต่ง "ซัมติง" ขณะที่เพลงที่พวกเขาแต่งเองดูเป็นจุดสนใจมากกว่า ซึ่งต่อมาเลนนอนออกมาอธิบายว่า
รางวัลในปี ค.ศ. 1970 ในปีเดียวกับที่เดอะบีเทิลส์ประกาศแยกตัวไป "ซัมติง" ได้รับรางวัลไอเวอร์โนเวลโลในสาขาเพลงด้านดนตรีและเนื้อร้องยอดเยี่ยม[18] เพลงยังได้รับรางวัลด้านดนตรีอีกหลายครั้งในอีกหลายทศวรรษหลังจากออก โดยเว็บไซต์บีบีซี ให้เป็นเพลงยอดเยี่ยมที่สุดเท่าที่เคยมีมาในอันดับ 64 โดยบีบีซีกล่าวว่า ""ซัมติง" ได้แสดงให้เห็นชัดกว่าเดิม มากกว่าเพลงอื่นทั่วไปของเดอะบีเทิลส์ว่า มีนักแต่งเพลงที่ยอดเยี่ยม 3 คน จากวงที่ดูเหมือนจะมีแค่ 2 คนที่แต่ง"[17] เว็บไซต์อย่างเป็นทางการของวงเดอะบีเทิลส์ยังกล่าวว่า ""ซัมติง" ได้แสดงความสำคัญให้เห็นอำนาจของจอร์จ แฮร์ริสันในฐานะผู้ผลักดันการเขียนเพลงอย่างมาก"[19] ในปี ค.ศ. 1999 องค์กรเผยแพร่ดนตรี (Broadcast Music Incorporated (BMI)) ให้ "ซัมติง" อยู่อันดับที่ 17 ของเพลงที่ถูกเล่นมากที่สุดในศตวรรษที่ 20 กับการเล่นกว่า 5 ล้านครั้ง ส่วนเพลงอื่นของเดอะบีเทิลส์ที่ติดอันดับในรายชื่อคือเพลง "เยสเตอร์เดย์" และ "เลตอิตบี" ที่ทั้งสองเพลงแต่งโดยพอล แม็กคาร์ตนีย์ (ถึงแม้ว่าจะระบุเครดิตว่า เลนนอน/แม็กคาร์ตนีย์ก็ตาม) [20] ในปี 2004 นิตยสารโรลลิงสโตนยังให้เพลงนี้อยู่อันดับที่ 273 ในหัวข้อ 500 เพลงที่ยอดเยี่ยมที่สุดตลอดกาล[21] ผู้มีส่วนร่วมทำเพลง
การนำมาทำใหม่มีการนำเพลงนี้มาทำใหม่แล้วมากกว่า 150 เวอร์ชัน "ซัมติง" ถือเป็นเพลงที่ถูกนำมาทำใหม่มากที่สุดของเดอะบีเทิลส์เป็นอันดับที่ 2 รองจากเพลง "เยสเตอร์เดย์"[2] โดยเริ่มมีการนำมาทำใหม่โดยศิลปินอื่นแทบจะโดยทันทีหลังจากที่ออกโดยเดอะบีเทิลส์ โดยลีนา ฮอร์นนำมาทำใหม่เมื่อเดือนพฤศจิกายน ค.ศ. 1969 สำหรับอัลบั้มที่เธอบันทึกเสียงกับนักกีตาร์ที่ชื่อกาบอร์ ซาโบ ชื่ออัลบั้ม ลีนาแอนด์กาบอร์ ส่วนในฉบับอื่นหลังจากนั้นไม่นาน อย่างเช่นในเวอร์ชันของเพรสลีย์ (ซึ่งก็รวมอยู่ในรายการการแสดงพิเศษทางโทรทัศน์อโลฮาฟรอมฮาวาย ), ซินาตรา, ดิโอเจส์ และชาร์ลส ซึ่งแฮร์ริสันได้นึกนักร้องคนนี้ไว้ในใจเมื่อคราวที่เขียนเพลง "ซัมติง" แต่อย่างไรก็ตาม ต่อมาแฮร์ริสันก็ออกมาพูดภายหลังว่า เวอร์ชันที่เขาชื่นชอบที่สุดเป็นของเจมส์ บราวน์และสโมกีย์ โรบินสัน[22] แฟรงก์ ซินาตรา ประทับใจในเพลง "ซัมติง" เป็นอย่างมาก โดยเขาเรียกเพลงนี้ว่า "เป็นเพลงรักที่ยอดเยี่ยมที่สุด" เขาร้องเพลงนี้นับร้อยครั้งในหลายคอนเสิร์ต อย่างไรก็ตามเขาก็เคยเอ่ยถึงเพลง "ซัมติง" ครั้งหนึ่งว่า เป็นเพลงที่เขียนโดย เลนนอน/แม็กคาร์ตนีย์ ที่เขาชื่นชอบที่สุดตลอดกาล (เขาไม่รู้ว่าใครแต่งเพลงนี้) และยังแนะนำเพลงนี้อยู่เป็นประจำอีกด้วย[23] แฮร์ริสันไม่รังเกียจที่ซินาตรา ได้เปลี่ยนแปลงเนื้อเพลง ที่เดิมเพลงเขียนว่า "You stick around now it may show" โดยซินาตราร้องว่าเป็น "You stick around, Jack, she might show" ซึ่งแฮร์ริสันก็ยังนำเนื้อร้องในเวอร์ชันของซินาตราไปขับร้องในส่วนหนึ่งของการแสดงในทัวร์ของเขา[24] เวอร์ชันของนักร้องคันทรีจอห์นนี ร็อดริเกซ ขึ้นติดท็อป 10 บนชาร์ตบิลบอร์ดฮอตคันทรีซิงเกิลส์ชาร์ต ในฤดูใบไม้ผลิปี ค.ศ. 1974[25] เพลงนี้ยังปรากฏในอัลบั้มอุทิศให้วงเดอะบีเทิลส์ในปี ค.ศ. 1995 ที่ชื่อ คัมทูเกตเตอร์: อเมริกาซาลูตส์เดอะบีเทิลส์ ร้องโดยทันย่า ทักเกอร์ นอกจากนี้มิวสิกโซลไชลด์ยังเคยนำเพลงนี้มาทำใหม่ด้วย ในปี ค.ศ. 2002 หลังจากที่แฮร์ริสันเสียชีวิต แม็กคาร์ตนีย์และอีริก แคลปตันนำเพลง "ซัมติง" มาร้องในคอนเสิร์ตที่ชื่อ "คอนเสิร์ตฟอร์จอร์จ" การขับร้องครั้งนี้ทำให้ได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลแกรมมี่ในสาขาเพลงร่วมร้องป็อปยอดเยี่ยม[26] แม็กคาร์ตนีย์ยังร้องเพลงนี้โดยเล่นเครื่องดนตรียูเคเลเลเพียงอย่างเดียวในการแสดงในทัวร์ของเขาที่ชื่อ "แบ็กอินดิยูเอส" และ "แบ็กอินเดอะเวิลด์" เขายังร้องเพลงเพื่ออุทิศให้แฮร์ริสัน ในปี ค.ศ. 2008 ในคอนเสิร์ตลิเวอร์พูซาวด์ แสดงเพลงนี้ในลักษณะคล้ายกับที่แสดงใน "คอนเสิร์ตฟอร์จอร์จ" โดยเริ่มดนตรีด้วยยูเคเลเลอย่างเดียว หลังจากท่อนบริดจ์จึงเล่นเต็มวงและจบลงเหมือนกับเพลงต้นฉบับ[27][28][29] นอกจากนั้นบ็อบ ดีแลนยังร้องสดเพลงนี้เพื่ออุทิศให้แฮร์ริสันสำหรับการเสียชีวิตของเขา[30][31] อ้างอิง
แหล่งข้อมูลอื่น
|
Portal di Ensiklopedia Dunia