ช่วงชีวิต

การเปรียบเทียบความคาดหมายการคงชีพเมื่อแรกเกิดของชายและหญิงสำหรับประเทศและดินแดนที่นิยามใน CIA Factbook ปี 2554 เส้นประสีเขียวสมนัยกับความคาดหมายการดำรงชีพของชายและหญิงเท่ากัน ปริมาตรสามมิติของฟองเป็นสัดส่วนเชิงเส้นกับประชากรของประเทศนั้น ๆ

คำว่า ช่วงชีวิต (อังกฤษ: longevity) บางครั้งใช้เป็นไวพจน์ของ "ความคาดหมายการคงชีพ" (life expectancy) ในทางประชากรศาสตร์ อย่างไรก็ดี คำว่า "ช่วงชีวิต" บางครั้งใช้หมายความถึงเฉพาะสมาชิกประชากรที่มีอายุยืนเป็นพิเศษ ขณะที่ "ความคาดหมายการคงชีพ" นิยามทางสถิติว่าเป็นจำนวนปีโดยเฉลี่ยที่เหลืออยู่ ณ อายุใด ๆ เสมอ ตัวอย่างเช่น ความคาดหมายการคงชีพตั้งแต่เกิดของประชากรเท่ากับอายุเฉลี่ยเมื่อตายของประชากรทั้งหมดที่เกิดในปีเดียวกัน (ในกรณีกลุ่มร่วมรุ่น)

ความคาดหมายการคงชีพปัจจุบัน

มีหลายปัจจัยมีผลต่อการมีอายุยืนของแต่ละคน ปัจจัยที่มีนัยสำคัญในการคาดหมายคงชีพประกอบด้วย เพศ พันธุกรรม การเข้าถึงสาธารณสุข อนามัย การควบคุมอาหาร สารอาหาร การออกกำลังกาย รูปแบบการใช้ชีวิต และอัตราอาชญากรรม ด้านล่างเป็นรายการความคาดหมายการคงชีพในประเทศต่าง ๆ[1]

  • ประเทศที่พัฒนาแล้ว: 77–90 ปี (เช่น ประเทศแคนาดา 81.29 ปี ประเมินปี 2553)
  • ประเทศที่กำลังพัฒนา: 32–80 ปี (เช่น ประเทศโมซัมบิก 41.37 ปี ประเมินปี 2553)

ปัจจัยหลัก

พันธุกรรม

เซลล์ไลน์ลิมโฟบลาสโตอิดที่ได้จากตัวอย่างเลือดของผู้มีอายุยืนยาวมีกิจกรรมของโปรตีน PARP (โพลี-ADP-ริโบสโพลีเมอเรส) สูงขึ้นมากเมื่อเทียบกับเซลล์ไลน์ที่ได้จากคนอายุน้อยกว่า (20 ถึง 70 ปี)[2] เซลล์ลิมโฟไซต์ของผู้มีอายุยืนมีลักษณะที่เป็นลักษณะของเซลล์ในคนอายุน้อย เช่น ความสามารถในการเริ่มกลไกการฟื้นฟูหลังจากย่อยุดออกซิเดชั่นที่เกิดความเสียหายต่อ DNA จาก H2O2 เช่นเดียวกับการแสดงออกของยีน PARP[3]

การศึกษาคู่แฝดแสดงให้เห็นว่า ประมาณ 20–30% ของความแตกต่างในอายุขัยของมนุษย์อาจเกี่ยวข้องกับพันธุกรรม ส่วนที่เหลือเกี่ยวข้องกับพฤติกรรมส่วนบุคคลและปัจจัยด้านสิ่งแวดล้อมที่สามารถเปลี่ยนแปลงได้[4] แม้ว่าจะมีการค้นพบยีนหลายร้อยตัวที่เกี่ยวข้องกับอายุยืนยาวในฐานข้อมูลของการแปรผันทางพันธุกรรมของมนุษย์ที่จัดทำขึ้นในสหรัฐ, เบลเยียม และสหราชอาณาจักร[5] แต่ยังสามารถอธิบายเพียงส่วนน้อยของอัตราการถ่ายทอดทางพันธุกรรมเท่านั้น[6]

รูปแบบชีวิต

อายุยืนยาวเป็นลักษณะที่สามารถปรับเปลี่ยนได้ง่าย และลักษณะเหล่านี้ตอบสนองต่อสภาวะแวดล้อมที่เป็นรูปธรรมและความหลากหลายในทางกายภาพ การออกกำลังกาย นิสัยการกิน สภาพความเป็นอยู่ รวมถึงการปฏิสัมพันธ์ทางเภสัชกรรมและอาหาร[7][8] การศึกษาที่ดำเนินการในปี 2012 พบว่า แม้แต่การออกกำลังกายเพียงเล็กน้อยในเวลาว่างก็สามารถเพิ่มอายุขัยได้ถึง 4.5 ปี

เส้นทางทางชีววิทยา

เส้นทางทางชีววิทยาที่ได้รับการศึกษาอย่างดีสี่เส้นทางซึ่งทราบกันดีว่าควบคุมการแก่และการปรับระดับซึ่งแสดงให้เห็นว่ามีผลต่ออายุขัย ได้แก่ อินซูลิน/IGF-1, เป้าหมายของราพามัยซิน (mTOR), คินาสที่เปิดใช้โปรตีนคินาส (AMPK) และซิรตูอิน

อ้างอิง

  1. The US Central Intelligence Agency, 2010, CIA World Factbook, retrieved 12 Jan. 2011, https://www.cia.gov/library/publications/the-world-factbook/index.html เก็บถาวร 2008-08-12 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน
  2. "Increased poly(ADP-ribose) polymerase activity in lymphoblastoid cell lines from centenarians". pubmed.ncbi.nlm.nih.gov. สืบค้นเมื่อ 2025-02-12.
  3. "Oxidative DNA Damage Repair and parp 1 and parp 2 Expression in Epstein-Barr Virus-Immortalized B Lymphocyte Cells from Young Subjects, Old Subjects, and Centenarians". www.liebertpub.com. สืบค้นเมื่อ 2025-02-12.
  4. "Genetic influence on human lifespan and longevity". pubmed.ncbi.nlm.nih.gov. สืบค้นเมื่อ 2025-02-12.
  5. "LongevityMap: Genetic association studies of longevity". genomics.senescence.info. สืบค้นเมื่อ 2025-02-12.
  6. "LongevityMap: a database of human genetic variants associated with longevity". www.cell.com. สืบค้นเมื่อ 2025-02-12.
  7. "Beyond Broad Categories". www.unaging.com. สืบค้นเมื่อ 2025-02-12.
  8. "The genetics of human longevity: an intricacy of genes, environment, culture and microbiome". www.sciencedirect.com. สืบค้นเมื่อ 2025-02-12.

 

Prefix: a b c d e f g h i j k l m n o p q r s t u v w x y z 0 1 2 3 4 5 6 7 8 9

Portal di Ensiklopedia Dunia