จิตรกรรมสมัยฟื้นฟูศิลปวิทยาแบบดัตช์และเฟลมิช
จิตรกรรมสมัยฟื้นฟูศิลปวิทยาแบบดัตช์และเฟลมิช (อังกฤษ: Dutch and Flemish Renaissance painting) เป็นจิตรกรรมของคริสต์ศตวรรษที่ 16 เป็นศิลปะที่โต้ตอบศิลปะสมัยฟื้นฟูศิลปวิทยาแบบอิตาลีของกลุ่มประเทศแผ่นดินต่ำ ศิลปินกลุ่มนี้ที่เริ่มจากจิตรกรจริตนิยมแอนต์เวิร์ป และฮีเยโรนีมึส โบส เมื่อต้นคริสต์ศตวรรษจนถึงปลายสมัยจิตรกรจริตนิยม เช่น ฟรันส์ โฟลริส (Frans Floris) และกาเริล ฟัน มันเดอร์ (Karel van Mander) ในตอนปลาย ซึ่งเป็นศิลปะที่วิวัฒนาการมาจากการเขียนแบบใหม่ในอิตาลีและงานเขียนแบบท้องถิ่นของจิตรกรสมัยเนเธอร์แลนด์เริ่มแรก แอนต์เวิร์ปกลายเป็นเมืองศูนย์กลางของศิลปะในบริเวณนั้น จิตรกรหลายคนทำงานให้กับราชสำนักในยุโรปรวมทั้งฮีเยโรนีมึส โบส ผู้ที่มีลักษณะการเขียนที่เป็นที่เลื่องลือ, ยัน มาบูซ (Jan Mabuse), มาร์เติน ฟัน เฮมสแกร์ก (Maarten van Heemskerck), ฟรันส์ โฟลริส (Frans Floris) ต่างก็มีบทบาทในการนำแบบการวาดของอิตาลีเข้ามาผสมกับลักษณะการเขียนของตนเอง นอกจากนั้นจิตรกรดัตช์และเฟลมิชก็ยังมีบทบาทในการริเริ่มหัวข้อการวาดใหม่ เช่น จิตรกรรมภูมิทัศน์ จิตรกรรมชีวิตประจำวัน ตัวอย่างเช่นงานเขียนของโยอาคิม ปาตีนีร์ (Joachim Patinir) ที่มีบทบาทสำคัญในการวิวัฒนาการการเขียนจิตรกรรมภูมิทัศน์ ขณะเดียวกับที่ปีเตอร์ เบรอเคิล (ผู้พ่อ) และปีเตอร์ อาร์ตเซิน (Pieter Aertsen) ช่วยทำให้จิตรกรรมชีวิตประจำวันเป็นที่นิยมกันอย่างแพร่หลาย วิวัฒนาการอิทธิพลของสมัยฟื้นฟูศิลปวิทยาในอิตาลีเริ่มปรากฏในจิตรกรรมเนเธอร์แลนด์เริ่มแรก ราว ค.ศ. 1500 แต่ก็ยังลักษณะการเขียนเดิมอยู่เป็นอันมาก ลัทธิจริตนิยมแบบแอนต์เวิร์ปเป็นคำที่ใช้เรียกจิตรกรที่แสดงอิทธิพลของงานเขียนอิตาลี แต่โดยทั่วไปแล้วยังคงเขียนในลักษณะและหัวเรื่องของจิตรกรสำคัญ ๆ ก่อนหน้านั้นของเนเธอร์แลนด์เอง ฮีเยโรนีมึส โบส เป็นศิลปินที่ไม่เหมือนผู้ใด งานของเขามีลักษณะแปลก เต็มไปด้วยภาพจินตนาการที่นอกกรอบของเหตุผลและยากที่จะตีความหมาย[1] แต่ที่น่าประหลาดใจคือมีลักษณะราวกับเป็นศิลปะสมัยใหม่ที่เขียนเกี่ยวกับโลกของความฝันที่มีความเกี่ยวพันกับศิลปะกอทิกมากกว่าที่จะเป็นลักษณะของศิลปะสมัยฟื้นฟูศิลปวิทยาแบบอิตาลี แต่ภาพพิมพ์จากเวนิสในช่วงเดียวกันก็มีลักษณะบางส่วนที่คล้ายกับงานของโบส จิตรกรยุคโรมันนิยม (Romanism) เป็นจิตรกรกลุ่มต่อมาที่รับอิทธิพลจากอิตาลีอย่างเต็มที่ ![]() หลังจากปี ค.ศ. 1550 จิตรกรดัตช์และเฟลมิชก็เริ่มแสดงความสนใจในความงามธรรมชาติมากขึ้น ซึ่งนำไปสู่ลักษณะการเขียนที่รวมปัจจัยบางอย่างของศิลปะสมัยฟื้นฟูศิลปวิทยา แต่ก็เป็นลักษณะที่ต่างจากศิลปะสมัยฟื้นฟูศิลปวิทยาที่สละสลวยและเบาของอิตาลี [2] และเป็นการปูทางโดยตรงไปสู่งานของจิตรกรเฟลมิชและดัตช์สมัยบาโรกคนสำคัญ ๆ เป็นงานในหัวข้อภูมิทัศน์ ภาพนิ่ง และภาพชีวิตประจำวัน[1]. วิวัฒนาการนี้จะเห็นได้จากงานของโยอาคิม ปาตีนีร์ และปีเตอร์ อาร์ตเซิน แต่จิตรกรที่สำคัญที่สุดเห็นจะเป็นปีเตอร์ เบรอเคิล (ผู้พ่อ) ผู้มีชื่อเสียงในการวาดภาพธรรมชาติและชีวิตประจำวัน ผู้เลือกที่จะวาดภาพชาวบ้านแทนที่จะวาดเจ้าขุนมูลนาย "ภูมิทัศน์และอิคารัสปีกหัก" ที่ปัจจุบันเชื่อกันว่าเป็นงานเลียนแบบของเบรอเคิล แม้ว่าจะเป็นงานที่ไม่เหมือนงานของผู้ใดรวมลักษณะการเขียนหลายอย่างของสมัยฟื้นฟูศิลปวิทยาตอนเหนือ และเป็นนัยที่แสดงความสนใจใตหัวข้อการวาดของตำนานโบราณ (ตำนานเกี่ยวกับเทพอิคารัส) แต่อิคารัสในภาพนี้ซ่อนอยู่ในฉากหลัง ตัวเอกของภาพคือธรรมชาติและผู้ที่เด่นที่สุดในภาพคือชาวนาผู้ที่มิได้มองขึ้นไปดูเมื่ออิคารัสตกจากฟ้า ซึ่งเป็นลักษณะของการต่อต้านวีรบุรุษ น่าขัน และบางครั้งก็อัปลักษณ์[2] จิตรกร![]() ![]()
อ้างอิง
ระเบียงภาพ |
Portal di Ensiklopedia Dunia