ฆาบิเอร์ เอร์นันเดซ
ฆาบิเอร์ เอร์นันเดซ บัลกาซาร์ (สเปน: Javier Hernández Balcázar; เกิด 1 มิถุนายน ค.ศ. 1988) เป็นนักฟุตบอลชาวเม็กซิโก ปัจจุบันเล่นในตำแหน่งกองหน้าตัวเป้าให้กับกัวดาลาฮาราในประเทศเม็กซิโกอดีตเคยเล่นกับสโมสรฟุตบอลเม็กซิโก ชีบัสโกรัส ในกัวดาลาฮารา และสร้างชื่อกับแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด ในพรีเมียร์ลีกของประเทศอังกฤษ เขาลงแข่งในฐานะนักฟุตบอลทีมชาติเม็กซิโกครั้งแรกในเดือนกันยายน ค.ศ. 2009 โดยแข่งขันกับทีมชาติโคลอมเบีย และยังเป็นตัวแทนแข่งขันในฟุตบอลโลก 2010 ซึ่งเขาทำประตูได้ 2 ประตู เขาเป็นบุตรชายของนักฟุตบอล ฆาบิเอร์ เอร์นันเดซ กูติเอร์เรซ และหลานชายของนักฟุตบอล โตมัส บัลกาซาร์ ชีวิตช่วงแรกเอร์นันเดซ เกิดที่เมืองกัวดาลาฮารา รัฐฮาลิสโก เขาเริ่มเล่นในลีกสันทนาการเมื่อเขาอายุ 7 ปี พ่อของเขาชื่อ ฆาบิเอร์ เอร์นันเดซ กูติเอร์เรซ ซึ่งเป็นนักฟุตบอลทีมชาติเม็กซิโกตำแหน่งกองหน้าตัวเป้า พ่อของเขาพูดว่า เขาไม่คิดว่าลูกชายของเขาจะสามารถเล่นในระดับอาชีพได้ เอร์นันเดซได้ร่วมสโมสรเซเดกัวดาลาฮารา เมื่ออายุ 9 ปี โดยเซ็นสัญญาระดับอาชีพเมื่อเขาอายุ 15 ปี[3] ในปี ค.ศ. 2005 เขาร่วมลงแข่งฟุตบอลโลกเยาวชนอายุไม่เกิน 17 ปี แต่เขาเกิดบาดเจ็บ ไม่ได้ลงเล่นในฐานะทีมผู้ชนะเลิศ[4] ระดับอาชีพเซเดกัวดาลาฮาราเอร์นันเดซ เริ่มเล่นให้กับสโมสรฟุตบอลชีบัสโกรัส ในเตปิก รัฐนายาริต ในฤดูกาล 2005–06 เขาลงเล่นครั้งแรกกับชีบัสในอาเปร์ตูรา 2006 โดยได้รับชัยชนะเหนือ เนกาชา ในสนามกีฬาฮาลิสโก กับประตู 3–0 เอร์นันเดซลงแทนโอมาร์ บราโบ ในนาทีที่ 82 ก่อนที่จะทำประตูที่ 4 ใน 5 นาทีต่อมา เป็นประตูเดียวในการลงสนาม 7 ครั้งในฤดูกาล 2006–07 จากนั้นเขาลงแข่งขันอีก 6 ครั้งในฤดูกาล 2007–08 แต่ไม่สามารถทำประตูได้ เอร์นันเดซลงแข่งในอาเปร์ตูรา 2008 จำนวน 10 นัดแต่ไม่สามารถทำประตูได้ แต่เขาทำประตูได้ 4 ประตูในการลงแข่ง 15 ครั้งใน เกลาซูรา 2009 และในอาเปร์ตูรา 2009 เอร์นันเดซเป็นผู้ทำประตูมากที่สุดลำดับที่ 3 กับ 11 ประตูในการลงแข่ง 17 นัด[5] เขาลงแข่งในตอร์เนโอบีเซนเตนารีโอ 2010 ทำประตูได้ 8 ประตูในการลงแข่ง 5 นัด[6] เมื่อจบเกม เขาเป็นผู้ทำประตูสูงสุดใน ตอร์เนโอบีเซนเตนารีโอ 2010 กับจำนวน 10 ประตู ในการลงแข่ง 11 นัด[7] แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดเปิดตัวสโมสรฟุตบอลแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด ในอังกฤษ เริ่มรู้ความสามารถของเอร์นันเดซ ในเดือนตุลาคม ค.ศ. 2009 โดยแมวมองได้เดินทางไปเม็กซิโกในเดือนธันวาคมของปีนั้น และได้รายงานในทางบวกหลังจากดูกาลเล่นของเขาไม่กี่เกม แต่เพราะด้วยอายุของเอร์นันเดซ เดิมทีสโมสรตั้งใจจะรอก่อนที่จะเริ่มเซ็นสัญญา แต่เพราะว่าการพัฒนาอันโดดเด่นที่เขาเล่นให้กับทีมชาติในฟุตบอลโลก เป็นแรงผลักดันให้สโมสรเร่งที่จะประมูลค่าตัว จิม ลอว์เลอร์ หัวหน้าแมวมองของยูไนเต็ด ได้เดินทางไปเม็กซิโกเป็นเวลา 3 สัปดาห์ในเดือนกุมภาพันธ์และมีนาคม เพื่อดูการเล่นให้เอร์นันเดซ และได้รายงานด้านบวกอีกครั้งในตัวเขา หลังจากนั้นทนายของสโมสรได้เดินทางไปเม็กซิโกเพื่อดำเนินการเรื่องงานเอกสาร[8] เมื่อวันที่ 8 เมษายน ค.ศ. 2010 เอร์นันเดซได้เซ็นสัญญากับสโมสรฟุตบอลแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด กับค่าตัวที่ไม่เปิดเผย ภายใต้การขอใบอนุญาตทำงาน[9] ก่อนหน้านั้น เอร์นันเดซได้เปิดตัวกับแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด ในยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก รอบก่อนชิงชนะเลิศ นัดที่ 2 ที่ทีมแข่งขันกับสโมสรฟุตบอลบาเยิร์น มิวนิก ที่สนามกีฬาโอลด์แทรฟฟอร์ด[10] โดยการตกลงกันนี้เป็นไปด้วยความลับ เอเยนต์ของเอร์นันเดซ เก็บเป็นความลับ โดยที่ปู่ของเขา โตมัส บัลกาซาร์ คิดว่าเอร์นันเดซเดินทางไปที่แอตแลนตา ในสหรัฐอเมริกาเสียด้วยซ้ำ[11][12] และภายใต้สัญญา แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดได้แข่งขันนัดกระชับมิตรกับชีบัส เพื่อเปิดสนามใหม่ ที่จุผู้ชมได้ 45,000 คน เมื่อวันที่ 30 กรกฎาคม[13] เมื่อวันที่ 27 พฤษภาคม ใบอนุญาตทำงานผ่าน ทำให้เขาย้ายมาอยู่กับแมนเชสเตอร์อย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 1 กรกฎาคม[14] ฤดูกาล 2010–11เอร์นันเดซได้ลงแข่งครั้งแรกกับยูไนเต็ดเมื่อวันที่ 28 กรกฎาคม ในนาทีที่ 63 เปลี่ยนตัวแทน นานี ในการแข่งขันกับทีมรวมดาวเมเจอร์ลีกซอกเกอร์ 2010 จากนั้นเขาได้ทำประตูแรกใหักับสโมสรในอีก 18 นาทีต่อมา โดยเตะลูกโด่งข้าม นิก ริมานโด ผู้รักษาประตูจากนอกเขตโทษ โดยได้รับบอลผ่านจากดาร์เรน เฟล็ตเชอร์[15] 2 วันหลังจากนั้น เอร์นันเดซยิงประตูแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดในนัดกระชับมิตรที่เขาเล่นให้กับสโมสรเก่า ชีบัส โดยทำประตูได้ในนาทีที่ 8 จากนั้นเขาก็เปลี่ยนข้าง แต่ก็ไม่สามารถทำให้แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดได้ชัยชนะได้ โดยพ่ายไป 3-2[16] ในช่วงก่อนฤดูกาลเขาลงแข่งในครึ่งหลัง ยิงประตูที่ 3 ให้กับยูไนเต็ดในชัยชนะ 7–1 เหนือต่อลีกไอร์แลนด์ ในนัดการเปิดตัวสนามกีฬาเอวิวา เมื่อวันที่ 4 สิงหาคม[17] เอร์นันเดซเปิดตัวการแข่งขันเมื่อวันที่ 8 สิงหาคม โดยทำประตูแรกในประตูที่ 3 ของยูไนเต็ด 3–1 ชนะเชลซีไปได้ ในเอฟเอคอมมูนิตีชีลด์ 2010 เขาลงในครึ่งหลัง โดยเอร์นันเดซได้รับผ่านบอลจากอันโตเนียว บาเลนเซีย พุ่งตัวยิงเข้าประตู[18] ในวันที่ 16 สิงหาคม เอร์นันเดสลงการแข่งขันในพรีเมียร์ลีกครั้งแรก โดยเปลี่ยนตัวแทนเวย์น รูนีย์ ในนาทีที่ 63 ในนัดที่ทีมชนะสโมสรฟุตบอลนิวคาสเซิลยูไนเต็ด[19] เมื่อวันที่ 29 กันยายน เอร์นันเดซทำประตูแรกในยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก ที่เขาทำให้ทีมชนะ 1–0 ต่อสโมสรฟุตบอลบาเลนเซีย[20] เขาทำประตูแรกให้กับยูไนเต็ดครั้งแรกในพรีเมียร์ลีกเสมอ 2–2 กับสโมสรฟุตบอลเวสต์บรอมมิชอัลเบียน เมื่อวันที่ 16 ตุลาคม[21] ต่อมาอีก 8 วัน เขาทำประตูแรกในฐานะทีมเยือน โดยทำ 2 ประตู ชัยชนะเหนือสโมสรฟุตบอลสโตกซิตี[22] 2 วันต่อมาเขาออกจากม้านั่งสำรองในนาทีที่ 81 เปลี่ยนตัวแทน เบเบ ทำประตูในนาทีสุดท้าย เป็นประตูแรกในลีกคัพของเขา โดยชนะเหนือสโมสรฟุตบอลวูล์ฟเวอร์แฮมป์ตันวันเดอเรอส์ ในบ้านตัวเอง 2–1[23] เมื่อวันที่ 1 มกราคม ค.ศ. 2011 เอร์นันเดซออกจากที่นั่งสำรองที่ฮอว์ทอร์นส นำทีมชนะ 2–1 ต่อเวสต์บรอมมิชอัลเบียน.[24] 3 วันต่อมาเอร์นันเดซถือสถิติชาวเม็กซิโกในพรีเมียร์ลีกที่ทำประตูมากที่สุด หลังจากทำประตู 2–1 ชนะสโตกซิตี[25]ในวันที่ 21 มกราคม เอร์นันเดซทำประตูตีเสมอ ในนัดกลับมาชนะ 3–2 เหนือสโมสรฟุตบอลแบล็กพูล[26] 4 วันต่อมา เขาทำประตูแรกในเอฟเอคัพ นำชัยชนะเหนือสโมสรฟุตบอลเซาแธมป์ตัน 2–1 ในการเยือน[27] เอร์นันเดซทำ 2 ประตูในการทำประตู 4–0 ในการเยือนสโมสรฟุตบอลวีแกนแอธเลติก เมื่อวันที่ 26 กุมภาพันธ์[28] 8 วันต่อมาเขาทำประตูในนัดดาร์บีในการเยือนกับสโมสรฟุตบอลลิเวอร์พูล แต่พ่ายไป 3–1[29] เมื่อวันที่ 15 มีนาคม เอร์นันเดซทำประตู 2 ประตูชนะโอแล็งปิกเดอมาร์แซย์ ทำให้ยูไนเต็ดเข้าสู่รอบก่อนรองชนะเลิศ[30] ในวันที่ 2 เมษายน เขาทำประตูสุดท้ายในนัดเจอกับ เวสต์แฮมยูไนเต็ด ที่ตีตื้น 2 ประตู ในนัดที่แมนยูไนเต็ดชนะในการเยือน 4–2[31] เขายังเป็นผู้ทำประตูแรกใน 2–1 ของรอบก่อนชิงชนะเลิศ ชนะเหนือสโมสรฟุตบอลเชลซีในแชมเปียนส์ลีก จนจบการแข่งขันที่ 3–1 ทำให้ยูไนเต็ดผ่านสู่รอบรองชนะเลิศ[32] เรอัลมาดริดในช่วงต้นฤดูกาล 2014–15 เอร์นันเดซ ได้ย้ายไปร่วมทีมเรอัลมาดริด ในลาลิกาของสเปน แบบยืมตัว หลังจากไม่อยู่ในแผนการทำทีมของลูวี ฟัน คาล ผู้จัดการทีมแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดคนใหม่ เอร์นันเดซเคยทำประตูครั้งแรกในลาลิกาในนัดที่เรอัลมาดริดไปบุกถล่มลาคอรุ่นญา 8-2 เอร์นันเดซทำประตู 2 ประตูในช่วงทดเวลาบาดเจ็บ จากการเปลี่ยนตัวเอากาแร็ธ เบล ออกจากสนามในนาทีที่ 77 ในยูฟ่าแชมเปียนลีกฤดูกาลเดียวกัน ในรอบก่อนรองชนะเลิศนัดที่ 2 ที่เรอัลมาดริด พบกับ แอตแลนติโกมาดริด ที่สนามซานเตียโกเบร์นาเบว เอร์นันเดซเป็นผู้ยิงประตูให้ทีมเอาชนะไปได้ 1–0 ในนาทีที่ 87 ซึ่งเป็นประตูที่ทำให้ทีมได้ผ่านเข้าไปสู่รอบรองชนะเลิศ เนื่องจากในการแข่งนัดแรกทั้งคู่เสมอกันไป 0–0 [33] ไบเออร์ 04 เลเวอร์คูเซินในช่วงต้นฤดูกาล 2015–16 เอร์นันเดซได้ย้ายไปร่วมทีมไบเออร์ 04 เลเวอร์คูเซิน ในบุนเดิสลีกาของเยอรมนี หลังจากไม่อยู่ในแผนการทำทีมของลูวี ฟัน คาล ด้วยราคา 12 ล้านปอนด์ (ประมาณ 660 ล้านบาท) และระยะเวลาสัญญา 3 ปี การแข่งขันระหว่างประเทศเม็กซิโก อายุไม่เกิน 20 ปีเอร์นันเดซ เป็นหนึ่งใน 21 คนของฟุตบอลทีมชาติเม็กซิโกอายุไม่เกิน 20 ปี ในการแข่งขันฟุตบอลโลกเยาวชนอายุไม่เกิน 20 ปี ปี 2007 ที่จัดขึ้นที่ประเทศแคนาดา โดยเขาสวมเสื้อเบอร์ 11[34] ทีมชาติเม็กซิโกเมื่อวันที่ 30 กันยายน ค.ศ. 2009 เอร์นันเดซ ลงแข่งเปิดตัวครั้งแรกในฐานะทีมชาติเม็กซิโก โดยแข่งกับฟุตบอลทีมชาติโคลอมเบีย เขาได้ช่วยส่งการทำประตูไปใน 2–1 แต่ก็แพ้ไป[35] เมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 2010 เอร์นันเดซ ทำประตู 2 ประตูในนัดแข่งกับโบลิเวีย และเขาได้ช่วยส่งทำประตูให้กับเบราเลียว ลูนา ต่อมา 3 มีนาคม เอร์นันเดซทำประตูทีมนิวซีแลนด์ ส่งผลให้เม็กซิโกชนะไป 2–0[36] เมื่อวันที่ 17 มีนาคม เอร์นันเดซทำประตูที่ 4 ในฐานะทีมชาติ โดยชนะทีมเกาหลีเหนือไป 2–1[37] เมื่อวันที่ 26 พฤษภาคม เขาทำประตูในนัดแข่งกับเนเธอร์แลนด์ แต่ก็พ่ายไป 2–1[38] วันที่ 30 พฤษภาคม เอร์นันเดซยิง 2 ประตู ในนัดชนะแกมเบีย 5–1[39] ฟุตบอลโลก 2010เมื่อวันที่ 11 มิถุนายน ค.ศ. 2010 เอร์นันเดซ เปิดตัวเล่นในการแข่งขันฟุตบอลโลกครั้งแรก ในเกมนัดเปิดระหว่างฟุตบอลทีมชาติแอฟริกาใต้ โดยเสมอไป 1-1 เขาลงแข่งในนาทีที่ 73 แทนที่ กีเยร์โม ฟรันโก[40] เมื่อวันที่ 17 มิถุนายน เอร์นันเดซ ออกจากที่นั่งตัวสำรอง ลงแข่ง ครั้งนี้เขาสามารถทำประตูแรกในฟุตบอลโลกได้ โดยได้รับชัยชนะเหนือฟุตบอลทีมชาติฝรั่งเศส 2–0 เขาดีดตัวออกจากกับดักล้ำหน้า รับบอลจาก ราฟาเอล มาร์เกซ โดยหลบ อูโก โลลิส (Hugo Lloris) และแปเข้าตาข่ายไป[41][42] เช่นเดียวกับที่ปู่ของเขา โตมัส บัลกาซาร์ เคยทำประตูในฟุตบอลโลก 1954 เมื่อแข่งกับฝรั่งเศส[43] เขาได้รับเลือกให้เป็นนักเตะแห่งนัดนี้[44] ในวันที่ 27 มิถุนายน เอร์นันเดซทำประตูที่ 2 ในฟุตบอลโลก โดยหลบ มาร์ติง เดมีเชลิส ในสุดปลายเขตโทษ ก่อนที่จะใช้เท้าซ้ายยิงเข้าทะลุหลังคาประตู[45] แต่ในนัดนี้เม็กซิโกก็พ่ายให้กับอาร์เจนตินาไป 3-1 ในรอบ 16 ทีมสุดท้าย[46] จากสถิติของฟีฟ่า แสดงให้เห็นว่าเอร์นันเดซเป็นผู้เล่นที่มีความไวที่สุดในฟุตบอลโลก 2010 กับความเร็วสูงสุด 32.15 กิโลเมตร/ชั่วโมง[47] หลังฟุตบอลโลกเขาทำประตูในนัดแรกหลังจากที่เม็กซิโกแข่งฟุตบอลโลก ในนัดกระชับมิตร แข่งกับฟุตบอลทีมชาติสเปน แชมป์ฟุตบอลโลก ในวันที่ 11 สิงหาคม ค.ศ. 2010 เขาทำประตูได้ในนาทีที่ 12 แต่ต่อมา ดาบิด ซิลบา ทำประตูเสมอในนาทีสุดท้าย ทำให้ผลเสมอกัน 1–1[48] เอร์นันเดซทำประตูในการแข่งขันระหว่างประเทศครั้งแรกของเม็กซิโกในปี ค.ศ. 2011 โดยเขาทำประตูแรกในชัยชนะ 2-0 ในการแข่งขันกับฟุตบอลทีมชาติบอสเนียและเฮอร์เซโกวีนา เมื่อวันที่ 9 กุมภาพันธ์[49] การทำประตูในการแข่งขันระหว่างประเทศยู 20
ทีมชาติ
สถิติสโมสร
สถิตินับถึงการแข่งขันในวันที่ 2 เมษายน ค.ศ. 2011[51][52][53][54][55] ทีมชาติ
สถิตินับถึงการแข่งขันในวันที่ 30 มีนาคม 2011[56] เกียรติประวัติสโมสร
เกียรติประวัติส่วนตัว
ชีวิตส่วนตัวเอร์นันเดซเป็นบุตรชายของฆาบิเอร์ เอร์นันเดซ กูติเอร์เรซ เล่นให้กับ 3 สโมสรในเม็กซิโก และเป็นนักฟุตบอลทีมชาติเม็กซิโก ในชุดฟุตบอลโลก 1986[57] ฆาบิเอร์ เอร์นันเดซ กูติเอร์เรซลาออกจากงานที่เป็นผู้จัดการทีมสำรองกัวดาลาฮารา เพื่อดูบุตรชายของตนแข่งขันในฟุตบอลโลก 2010 ในแอฟริกาใต้[58] เอร์นันเดซเป็นหลานของโตมัส บัลกาซาร์[59] ที่เล่นกับสโมสรเซเดกวาดาลาฮาลา และเล่นในฟุตบอลทีมชาติเม็กซิโก ชุดฟุตบอลโลก 1954[60] มีรายงานว่าครอบครัวของเขาได้ย้ายมาอยู่ที่อังกฤษ รวมถึงบัลกาซาร์ ปู่ของเขาด้วย[61][62] ระหว่างที่เขาอยู่ที่ประเทศเม็กซิโกนั้น เขาได้เข้าเรียนที่มหาวิทยาลัยอาเตมากักและอาศัยอยู่กับครอบครัวเขา และด้วยภาษาสเปนเป็นภาษาพูดพื้นฐานของเขา เอร์นันเดซยังสามารถพูดภาษาอังกฤษได้อย่างคล่องแคล่วด้วย[63] ชื่อเล่น"ชิชาริโต" คือชื่อเล่นอันเป็นที่รู้จักกันดีของเอร์นันเดซ มีความหมายคือ "ถั่วน้อย" ในภาษาสเปน เพราะว่าเขาเป็นบุตรชายของฆาบิเอร์ เอร์นันเดซ กูติเอร์เรซ ผู้ซึ่งมีชื่อเล่นว่า "ชิชาโร" (สเปน: Chicharo; ถั่ว) นั่นเป็นเพราะว่าเขามีตาสีเขียว[64] สไตล์การเล่นเอร์นันเดซ ได้รับการกล่าวถึงจากผู้จัดการทีมแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ว่า เป็นนักเตะ 2 เท้า ที่เร็วมาก ครองบอลกระโดดได้ดี และเป็นมือยิงโดยธรรมชาติ เฟอร์กูสันยังบอกว่า การเล่นของเอร์นันเดซ ทำให้เขานึกถึงอดีตนักเตะของยูไนเต็ดอย่างอูเลอ กึนนาร์ ซูลชาร์ ที่มีฉายาว่า เพชฌฆาตหน้าเด็ก[65] ส่วนอดีตเพื่อนร่วมทีม เฆซุส ปาดิยา กล่าวว่า "น่าอัศจรรย์มากในอากาศ" ในเรื่องการกระโดดสูง[3] หมายเหตุ1รวมถึง InterLiga และ FA Cup
2รวมถึง Copa Libertadores, Copa Sudamericana, North American SuperLiga และ UEFA Champions League
3รวมถึงการแข่งขันอื่น อย่าง The Playoffs, FA Community Shield, UEFA Super Cup, Intercontinental Cup และ FIFA Club World Cup
อ้างอิง
แหล่งข้อมูลอื่นวิกิมีเดียคอมมอนส์มีสื่อที่เกี่ยวข้องกับ ฆาบิเอร์ เอร์นันเดซ บัลกาซาร์
|
Portal di Ensiklopedia Dunia