รูปปั้นของเติ้ง เสี่ยวผิง ที่สวนสาธารณะเหลียน-ฮฺวาชาน ในนครเชินเจิ้น ประเทศจีน
การเยือนภาคใต้ของเติ้ง เสี่ยวผิง (จีนตัวย่อ : 邓小平南巡; จีนตัวเต็ม : 鄧小平南巡) หรือ การเยือนภาคใต้ ค.ศ. 1992 (จีนตัวย่อ : 九二南巡; จีนตัวเต็ม : 九二南巡) เป็นการเยือนภาคใต้ของจีนของเติ้ง เสี่ยวผิง อดีตผู้นำสูงสุด ของจีน ได้แก่ เชินเจิ้น จูไห่ กว่างโจว และเซี่ยงไฮ้ ระหว่างวันที่ 18 มกราคม – 21 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1992[ 1] [ 2] [ 3] [ 4] [ 5] การพูดคุยและข้อสังเกตของเติ้งระหว่างการเยือนได้ตอกย้ำการดำเนินตามโครงการปฏิรูปเศรษฐกิจจีน ของเขาในจีนแผ่นดินใหญ่ ซึ่งหยุดชะงักลงหลังการปราบปรามของทหารในการประท้วงที่จัตุรัสเทียนอันเหมิน ค.ศ. 1989 จากคำสั่งของเติ้งเอง[ 1] [ 6] [ 7] [ 8] การเยือนภาคใต้ ค.ศ. 1992 ได้รับการยกย่องอย่างกว้างขวางว่าเป็นจุดสำคัญในประวัติศาสตร์สมัยใหม่ของจีน เนื่องจากมีส่วนช่วยรักษาการปฏิรูปเศรษฐกิจของจีน ตลอดจนตลาดทุน และเสถียรภาพของสังคม[ 1] [ 6] [ 9] [ 10] [ 11] [ 12]
ในระหว่างการเยือน เติ้งได้เน้นย้ำกับผู้นำทหารหลายคนของกองทัพปลดปล่อยประชาชน คือ หยาง ช่างคุน หลิว หฺวาชิง และหยาง ไป่ปิง ว่า "ผู้ที่ไม่ส่งเสริมการปฏิรูปสมควรถูกถอดจากตำแหน่งผู้นำ" และบังคับให้เจียง เจ๋อหมิน ซึ่งขณะนั้นเป็นเลขาธิการพรรคคอมมิวนิสต์จีน สนับสนุนและดำเนินโครงการปฏิรูปเศรษฐกิจต่อไป[ 13] นอกจากนี้เขายังหวังว่ามณฑลกวางตุ้ง จะตามทัน "สี่เสือแห่งเอเชีย " ในแง่ของการพัฒนาเศรษฐกิจภายใน 20 ปี[ 14] [ 15] ข้อสังเกตและความเห็นที่โดดเด่นบางประการจากเติ้งในระหว่างการเยือน ได้แก่ "ไม่สำคัญว่าแมวจะสีดำหรือขาว ขอแค่จับหนูได้มันก็เป็นแมวที่ดี " (不管黑猫白猫,能捉到老鼠就是好猫) ซึ่งตีพิมพ์ครั้งแรกโดยเขาคริสต์ในทศวรรษ 1960 และ "การพัฒนาคือคำตอบสุดท้าย (发展才是硬道理)" และ "รัฐบาลเชินเจิ้นควรเข้มงวดในการปฏิรูปเศรษฐกิจมากขึ้น กล้าทดลอง และไม่ควรทำตัวเป็นผู้หญิงรัดเท้า "[ 10] [ 16] [ 17] [ 18]
อย่างไรก็ตาม แม้เติ้งเองจะกล่าวว่าต้องบังคับใช้การต่อต้านการทุจริตตลอดกระบวนการปฏิรูปและการเปิดประเทศทั้งหมด และเน้นย้ำถึงความสำคัญของหลักนิติธรรม [ 19] [ 20] แต่ในความเป็นจริงการเยือนภาคใต้ไม่ได้แก้ไขปัญหาการทุจริต ตลอดจนความไม่เท่าเทียมทางเศรษฐกิจในจีน และไม่ได้ดำเนินการปฏิรูปการเมืองของจีน ต่อซึ่งล้มเหลวและสิ้นสุดลงในการประท้วงและการสังหารหมู่ที่จัตุรัสเทียนอันเหมิน ค.ศ. 1989[ 21] [ 22] [ 23] [ 24] [ 25]
ภูมิหลัง
การหยุดการปฏิรูปและเปิดประเทศ
สมาชิกคณะกรรมาธิการกลางพรรคคอมมิวนิสต์จีน มีความเห็นขัดแย้งกันอย่างรุนแรงว่าควรจะดำเนินโครงการปฏิรูปเศรษฐกิจจีน ต่อไปหรือไม่ หลังจากที่เติ้ง เสี่ยวผิง ได้สั่งให้ทหารเข้าปราบปรามการผู้ชุมนุมในการประท้วงที่จัตุรัสเทียนอันเหมิน ค.ศ. 1989 [ 8] [ 26] หลังจากจ้าว จื่อหยาง อดีตเลขาธิการพรรคคอมมิวนิสต์จีน และนักปฏิรูปชั้นนำถูกบังคับให้ลาออกจากตำแหน่งเพราะสนับสนุนนักศึกษาและต่อต้านการปราบปรามของทหาร เจียง เจ๋อหมิน จึงได้รับแต่งตั้งให้เป็นเลขาธิการคนใหม่โดยได้รับการสนับสนุนจากผู้นำอนุรักษ์นิยมฝ่ายซ้าย ที่ทรงอำนาจหลายคน เช่น เฉิน ยฺหวิน และหลี่ เซียนเนี่ยน [ 27] [ 28]
ในเดือนพฤศจิกายน ค.ศ. 1989 คณะกรรมาธิการกลางพรรคคอมมิวนิสต์จีนมีมติ ("การตัดสินใจเกี่ยวกับการแก้ไขธรรมาภิบาลเพิ่มเติมและการปฏิรูปเชิงลึก") โดยระบุว่าการปฏิรูปเร็วเกินไปและตัดสินใจยกเครื่องการเปลี่ยนแปลง[ 29] ผลที่ตามมาคือ โครงการปฏิรูปเศรษฐกิจจีนต้องหยุดชะงักลง โดยเฉพาะหลังการปฏิวัติ ค.ศ. 1989 ในยุโรป และการล่มสลายของสหภาพโซเวียต ใน ค.ศ. 1991
สื่อ
ผลของการปฏิรูปตลาดซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการเยือนภาคใต้ของเติ้งได้รับการถ่ายทอดทางโทรทัศน์อย่างกว้างขวาง[ 30] : 84
ในฤดูใบไม้ผลิ ค.ศ. 1991 หนังสือพิมพ์เจี๋ยฟางเดลี (Jiefang Daily ) ในเซี่ยงไฮ้ได้ตีพิมพ์บทความหลายบทความที่เขียนโดยหฺวาง ฝู่ผิง ซึ่งได้รับการสนับสนุนอย่างรวดเร็วจากเจ้าหน้าที่ท้องถิ่นและประชาชน[ 26] [ 31] ในทางกลับกัน สื่อหลายแห่งในกรุงปักกิ่งที่ควบคุมโดยเจียง เจ๋อหมิน และหลี่ เผิง (นายกรัฐมนตรี ในขณะนั้น) ตอบโต้ด้วยการวิพากษ์วิจารณ์บทความของหฺวางโดยตรงและตั้งคำถามว่าจีนกำลังเดินบนเส้นทางทุนนิยมหรือสังคมนิยม[ 26] [ 31]
การเยือน
วันที่ 18 มกราคม ค.ศ. 1992 เติ้ง เสี่ยวผิง ในวัย 87 ปี เริ่มต้นการเดินทางเยือนด้วยการเยือนเขตอู่ชาง นครอู่ฮั่น มณฑลหูเป่ย์ และนครฉางชา มณฑลหูหนาน [ 2] ต่อจากนั้นเขาได้ไปเยือนหลายเมืองในมณฑลกวางตุ้ง รวมถึงเชินเจิ้น จูไห่ และกว่างโจว ตั้งแต่วันที่ 19–29 มกราคม[ 2] หลังจากนั้นเขาแวะพักในมณฑลเจียงซี และในวันที่ 31 มกราคม เติ้งก็เดินทางมาถึงเซี่ยงไฮ้ซึ่งเป็นจุดสิ้นสุดการเยือนของเขา[ 2] หลังใช้เวลาร่วมเทศกาลตรุษจีน ในเซี่ยงไฮ้ เติ้งก็เดินทางกลับกรุงปักกิ่งในวันที่ 20 กุมภาพันธ์ ระหว่างทาง เขาได้แวะเยี่ยมนานกิง ในมณฑลเจียงซู และมณฑลอานฮุย [ 2]
ในช่วงแรก การเยือนของเติ้งแทบจะไม่ได้รับความสนใจจากสื่อปักกิ่งและสื่อระดับชาติ เนื่องจากสื่อเหล่านั้นอยู่ภายใต้การควบคุมของคู่แข่งทางการเมืองของเติ้ง แม้กระทั่งเจียง เจ๋อหมิน เลขาธิการพรรคคอมมิวนิสต์จีน ในขณะนั้น ก็แสดงท่าทีสนับสนุนน้อยมากและนิ่งเฉยต่อการเดินทางนี้ ทำให้ยิ่งตอกย้ำถึงความพยายามลดทอนความสำคัญของเติ้งบนเวทีการเมือง
อย่างไรก็ตาม สื่อฮ่องกงรายงานข่าวการเดินทางของเติ้งเป็นแห่งแรกหลังได้รับการยืนยันจากรัฐบาลเชินเจิ้น ขณะที่หนังสือพิมพ์เชินเจิ้นเท่อชฺวีเป้า (深圳特区报 ) ได้เผยแพร่รายงานโดยละเอียดเกี่ยวกับการเดินทางของเติ้งในวันที่ 26 มีนาคม โดยไม่ได้รับอนุมัติจากรัฐบาลกลาง นับเป็นสื่อแห่งแรกในจีนแผ่นดินใหญ่ที่กล้าทำเช่นนั้น[ 32]
เชินเจิ้น
ห้องพักของโรงแรมที่เติ้งพักขณะไปเยือนเชินเจิ้น
เวลา 09:00 น. ของวันที่ 19 มกราคม ค.ศ. 1992 เติ้งเดินทางมาถึงเชินเจิ้น หนึ่งในเขตเศรษฐกิจพิเศษ แห่งแรกของจีนที่ได้รับการอนุมัติจากตัวเขาเอง ท่ามกลางการต้อนรับจากเจ้าหน้าที่ท้องถิ่น รวมถึง เซี่ย เฟย์ เลขาธิการพรรคคอมมิวนิสต์จีน ประจำมณฑลกวางตุ้ง[ 2] [ 33] ในวันรุ่งขึ้น เติ้งเดินทางไปเยี่ยมชมอาคารกั๋วเม่า (Guomao Building) และบริษัทเทคโนโลยีหลายแห่งในเชินเจิ้น[ 2] ในวันที่ 21 มกราคม เติ้งเยี่ยมชมเมืองจีนโพ้นทะเลและหมู่บ้านพื้นเมือง[ 2] ในเช้าตรู่ของวันที่ 22 มกราคม เติ้งพร้อมด้วยภรรยา บุตรและหลาน เดินทางไปเยี่ยมชมสวนพฤกษศาสตร์ไห่หลิน ที่ซึ่งพวกเขายังร่วมปลูกต้นไม้ไว้เป็นที่ระลึกด้วย ในบ่ายวันเดียวกัน เติ้งได้กล่าวสุนทรพจน์อันโด่งดังต่อเจ้าหน้าที่รัฐบาลเชินเจิ้น คำพูดของเขาในครั้งนี้เป็นแรงกระตุ้นสำคัญของนโยบายปฏิรูปและเปิดประเทศและมีความหมายต่อทิศทางเศรษฐกิจจีนอย่างมาก:[ 2] [ 17] [ 18]
"รัฐบาลเชินเจิ้นควรกล้าหาญมากขึ้นในการดำเนินการปฏิรูปและเปิดประเทศ กล้าที่จะทดลอง และไม่ควรทำตัวเหมือนผู้หญิงรัดเท้า หากคุณคิดว่าอะไรถูกแล้ว จงทดลองและยอมรับมัน บทเรียนสำคัญของเชินเจิ้นคือ "จิตวิญญาณแห่งความกล้าหาญ" หากปราศจากจิตวิญญาณแห่งความกล้าหาญและพลังขับเคลื่อนนั้นแล้ว คุณจะไม่สามารถค้นหาเส้นทางที่ดีหรือเส้นทางใหม่ หรือสร้างสรรค์สิ่งใหม่ ๆ ได้ (改革开放胆子要大一些,敢于试验,不能像小脚女人一样。看准了的,就大胆地试,大胆地闯。深圳的重要经验就是敢闯。没有一点闯的精神,没有一点“冒”的精神,没有一股气呀、劲呀,就走不出一条好路,走不出一条新路,就干不出新的事业)
ในระหว่างการเยือน เติ้งคาดหวังว่ามณฑลกวางตุ้งจะตามทัน "สี่เสือแห่งเอเชีย " ในแง่ของการพัฒนาเศรษฐกิจภายใน 20 ปี[ 2] [ 14] [ 15] การเยือนของเติ้งยังช่วยรักษาตลาดทุน ของจีน โดยเฉพาะอย่างยิ่งตลาดหลักทรัพย์ สองแห่งที่เพิ่งก่อตั้งขึ้นใหม่ ได้แก่ ตลาดหลักทรัพย์เซี่ยงไฮ้ และตลาดหลักทรัพย์เชินเจิ้น [ 12] [ 34] [ 35] [ 36] เติ้งชี้ให้เห็นว่า:[ 36] [ 37]
ประเด็นที่ว่าหุ้นและตลาดหลักทรัพย์นั้นเหมาะสมกับระบบสังคมนิยมหรือไม่ หรือเป็นสิ่งเฉพาะตัวของระบบทุนนิยมเท่านั้น ยังคงเป็นเรื่องที่ต้องพิจารณาอย่างละเอียดถี่ถ้วน ไม่มีความชัดเจนเบ็ดเสร็จ และนี่ก็หมายความว่าเราต้องทดลองมันก่อน! (证券、股票,这些东西究竟好不好,有没有危险,是不是资本市场独有的东西,社会主义能不能用?允许看,但要坚决地试)
จูไห่
วันที่ 23 มกราคม เติ้งเดินทางไปยังจูไห่ เขตเศรษฐกิจพิเศษอีกแห่งในมณฑลกวางตุ้ง[ 2] เติ้งได้เน้นย้ำกับผู้นำทหารหลายคนของกองทัพปลดปล่อยประชาชนรวมถึงหยาง ช่างคุน , หลิว หฺวาชิง และหยาง ไป่ปิง ว่า "ผู้ที่ไม่ส่งเสริมการปฏิรูปสมควรจะปลดจากลดตำแหน่ง"[ 13] นอกจากนี้ เขายังไปเยี่ยมชมบริษัทเทคโนโลยีขั้นสูงหลายแห่งในจูไห่ โดยเน้นย้ำถึงความสำคัญของวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี และเรียกร้องให้นักเรียนจีนที่เรียนอยู่ต่างประเทศกลับมาสู่มาตุภูมิ[ 2] เติ้งออกจากจูไห่ในวันที่ 29 มกราคม[ 2]
เติ้งเยี่ยมชมสะพานหนานผู่ ในเซี่ยงไฮ้เมื่อวันที่ 7 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1992
เซี่ยงไฮ้
วันที่ 31 มกราคม เติ้งเดินทางมาถึงเซี่ยงไฮ้เพื่อร่วมฉลองเทศกาลตรุษจีน ประจำปี 1992[ 2]
เติ้งเยี่ยมชมสะพานหนานผู่ ในวันที่ 7 กุมภาพันธ์ และในวันต่อมา เขาเดินทางไปบนแม่น้ำหวงผู่ โดยเรือสำราญพร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ท้องถิ่นรวมถึงหฺวาง จฺวี๋ และอู๋ ปังกั๋ว [ 2] ร่วมกับหยาง ช่างคุน และคนอื่น ๆ เติ้งเยี่ยมชมบริษัทเทคโนโลยีขั้นสูงหลายแห่งในเซี่ยงไฮ้ ตั้งแต่วันที่ 10 กุมภาพันธ์[ 2] ในวันที่ 18 กุมภาพันธ์ เขาใช้เวลากลางคืนของเทศกาลโคมไฟที่ย่านชอปปิงถนนหนานจิง [ 2]
เติ้งเดินทางออกจากเซี่ยงไฮ้กลับไปยังปักกิ่งในวันที่ 23 กุมภาพันธ์ สิ้นสุดการเดินทางของเขา[ 2] เขาเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญในการพัฒนาพื้นที่ผู่ตงใหม่ของเซี่ยงไฮ้ ทำให้เมืองนี้กลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้งในฐานะศูนย์กลางเศรษฐกิจแห่งหนึ่งของจีน
คำกล่าวที่โดดเด่น
ระหว่างการเยือน เติ้งได้กล่าวสุนทรพจน์หลายต่อหลายครั้ง ซึ่งสร้างเสียงสนับสนุนนโยบายปฏิรูปประเทศของเขาอย่างกว้างขวาง เขาเน้นย้ำถึงความสำคัญของการปฏิรูปเศรษฐกิจจีนและวิพากษ์วิจารณ์ผู้ที่ต่อต้านการปฏิรูป แม้จะมีการถกเถียงกันว่าเติ้งเคยพูดคำว่า "การร่ำรวยนั้นเป็นสิ่งรุ่งโรจน์ (致富光荣)" จริงหรือไม่[ 38] แต่คำพูดอันเป็นที่รับรู้ของเขานี้ได้ปลดปล่อยคลื่นแห่งการประกอบการส่วนบุคคลซึ่งยังคงขับเคลื่อนเศรษฐกิจของจีนในปัจจุบัน[ 39] นอกจากนี้ เขายังระบุว่า "ฝ่ายซ้าย " ในพรรคคอมมิวนิสต์จีนนั้นอันตรายมากกว่าพวก "ฝ่ายขวา " มาก[ 2]
หนึ่งในสุนทรพจน์ที่ทรงอิทธิพลที่สุดเกี่ยวกับการปฏิรูปและเปิดประเทศ เติ้งได้กล่าวไว้ว่า:[ 40] : 44
แก่นแท้ของความต่างระหว่างสังคมนิยมกับทุนนิยมไม่ใช่ว่าการวางแผนของรัฐจะเหนือกว่ากลไกตลาด หรือกลไกตลาดจะเหนือกว่าการวางแผนของรัฐ เศรษฐกิจแบบแผนมิใช่สิ่งเดียวกับสังคมนิยม และในเศรษฐกิจแบบทุนนิยมก็มีการวางแผนเช่นกัน ทั้งการวางแผนและกลไกตลาด ล้วนเป็นเครื่องมือทางเศรษฐกิจ ... ตราสารและตลาดหลักทรัพย์ดีหรือไม่ดี? สังคมนิยมนำเอามาใช้ได้หรือไม่? เราควรเปิดใจศึกษา แต่ที่สำคัญกว่านั้นคือเราควรทดลองดู ... เพื่อให้สังคมนิยมมีความได้เปรียบ เราต้องกล้าหาญในการนำสิ่งที่ดีและความสำเร็จต่าง ๆ ของอารยธรรมที่มนุษยชาติสร้างสรรค์มาปรับใช้"
คำกล่าวที่สำคัญอื่น ๆ ของเติ้งระหว่างการเยือน ได้แก่:
"แมวไม่ว่าจะสีดำหรือขาว ถ้าจับหนูได้มันก็เป็นแมวที่ดี (不管黑猫白猫,捉到老鼠就是好猫)" ประโยคนี้ เติ้งเคยกล่าวไว้ตั้งแต่คริสต์ทศวรรษ 1960 แต่กลับโด่งดังไปทั่วหลังจากการเดินทางครั้งนี้[ 10] [ 41]
"เศรษฐกิจแบบแผนไม่เท่ากับสังคมนิยม และเศรษฐกิจแบบตลาดไม่เท่ากับทุนนิยม สังคมนิยมสามารถมีกลไกตลาดได้เช่นกัน และการวางแผนของรัฐบาลกับกลไกตลาดล้วนเป็นเครื่องมือทางเศรษฐกิจ"[ 42] : 65
"การพัฒนาคือสิ่งสำคัญเหนือสิ่งอื่นใด (发展才是硬道理)”[ 16]
"[รัฐบาลเชินเจิ้น] ควรกล้าหาญในการดำเนินการปฏิรูปและเปิดประเทศ กล้าทดลอง และไม่ควรทำตัวเหมือนผู้หญิงรัดเท้า (改革开放胆子要大一些,敢于试验,不能像小脚女人一样)"[ 17] [ 18]
"ผู้ที่ไม่ส่งเสริมการปฏิรูป สมควรถูกปลดจากตำแหน่งผู้นำ (谁不改革,谁就下台)"[ 13] [ 43]
"เราควรลงมือทำมากกว่าพูดจาไร้สาระ (多干实事,少说空话)"[ 44] [ 45]
"ถ้าไม่ใช่ผลสำเร็จของการปฏิรูปและนโยบายเปิดประเทศ เราคงผ่านเหตุการณ์วันที่ 4 มิถุนายน มาไม่ได้... ทำไมประเทศของเราถึงยังมั่นคงหลังเหตุการณ์วันที่ 4 มิถุนายน? นั่นเป็นเพราะว่าเราได้ดำเนินการปฏิรูปและนโยบายเปิดประเทศ"[ 46]
"ไปเรียนรู้จากต่างประเทศ โดยเฉพาะสิงคโปร์ พวกเขามีระบบและการบริหารในการจัดการสังคม"[ 47]
ผลที่ตามมา
ตลาดหลักทรัพย์เชินเจิ้น
คำกล่าวของเติ้งที่เน้นเสรีนิยมทางเศรษฐกิจได้สร้างความขัดแย้งทางการเมืองครั้งใหญ่ภายในพรรคคอมมิวนิสต์จีน กลุ่มต่าง ๆ ในคณะกรมการเมืองต่างแบ่งฝักแบ่งฝ่าย เจียง เจ๋อหมิน ในที่สุดก็เลือกอยู่ข้างเติ้งในเดือนเมษายน พ.ศ. 2535 สื่อระดับชาติจึงเริ่มรายงานการเยือนภาคใต้ของเติ้งเกือบสองเดือนหลังจากเสร็จสิ้น[ 32] นักวิเคราะห์ชี้ว่า การที่เจียงยอมรับนโยบายของเติ้ง ช่วยเสริมความแข็งแกร่งให้เขาในฐานะผู้สืบทอดอำนาจของเติ้ง เบื้องหลัง การเยือนภาคใต้ของเติ้งช่วยให้พันธมิตรสายปฏิรูปของเขา เช่น จู หรงจี้ เลขาธิการพรรคคอมมิวนิสต์จีนประจำเซี่ยงไฮ้ ก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งสูงสุดในระดับชาติ และเปลี่ยนทิศทางของจีนไปสู่การพัฒนาเศรษฐกิจอย่างถาวร[ 48] เติ้งได้รับการสนับสนุนมากขึ้นจากผู้นำระดับมณฑล กองทัพ สื่อมวลชน และประชาชนโดยทั่วไป[ 30] : 84 นอกจากนี้ ผลลัพธ์สุดท้ายของการเยือนภาคใต้ยังพิสูจน์ว่าเติ้งยังคงเป็นบุคคลทรงอำนาจที่สุดในจีน[ 49]
การเยือนภาคใต้ของเติ้งมีบทบาทสำคัญอย่างยิ่งในการส่งเสริมการพัฒนาเศรษฐกิจของจีน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในด้านตลาดทุนและการเติบโตของพื้นที่ชายฝั่งทะเล ช่วยฟื้นฟูความเชื่อมั่นในตลาดทุนจีนที่กำลังประสบปัญหา ส่งผลให้ตลาดหลักทรัพย์เซี่ยงไฮ้ และเชินเจิ้นรอดพ้นจากภาวะตกต่ำ[ 12] [ 34] [ 35] [ 36] นอกจากนี้ การมุ่งเน้นด้านการเปิดกว้างเศรษฐกิจของเขายังส่งเสริมระดับการเติบโตที่น่าทึ่งของพื้นที่ชายฝั่ง โดยเฉพาะภูมิภาค "สามเหลี่ยมทองคำ " รอบเซี่ยงไฮ้ เติ้งยืนยันนโยบายที่ว่า "บางพื้นที่ต้องร่ำรวยก่อน" และยืนยันว่า ความมั่งคั่งจากพื้นที่ชายฝั่งจะถูกถ่ายโอนไปช่วยสร้างเศรษฐกิจภายในประเทศในที่สุด อย่างไรก็ตาม ทฤษฎีนี้เผชิญความท้าทายมากมายเมื่อนำไปปฏิบัติจริง เนื่องจากรัฐบาลท้องถิ่นต่างก็ปกป้องผลประโยชน์ของตนเอง
แม้องค์ประกอบการดำเนินการทางเศรษฐกิจเอกชนอย่างไม่เป็นทางการจะปรากฏอยู่ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2521 แต่รูปแบบการเป็นเจ้าของกิจการเอกชนเหล่านี้ได้รับการยอมรับทางกฎหมายอย่างเป็นทางการครั้งแรกในระหว่างการเดินทางเยือนภาคใต้ของเติ้ง[ 42] : 213
ดูเพิ่ม
อ้างอิง
↑ 1.0 1.1 1.2 "Deng Xiaoping's Southern Tour" (PDF) . Berkshire Publishing Group LLC . 2009.
↑ 2.00 2.01 2.02 2.03 2.04 2.05 2.06 2.07 2.08 2.09 2.10 2.11 2.12 2.13 2.14 2.15 2.16 2.17 2.18 "邓小平92南巡背景揭秘,有两句话记者不敢见报" . People's Daily (ภาษาจีน). 2012-01-13. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิม เมื่อ 2020-07-10. สืบค้นเมื่อ 2020-05-01 .
↑ "1992年邓小平南巡珍贵历史照片(组图)" . People's Daily (ภาษาจีน). 2014-01-24. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิม เมื่อ 2020-07-21. สืบค้นเมื่อ 2020-05-01 .
↑ "鄧南巡講話20週年 官方低調" . BBC (ภาษาจีน). สืบค้นเมื่อ 2020-05-01 .
↑ "邓小平南巡讲话(全文)" . Phoenix New Media (ภาษาจีน). 2011-12-31. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิม เมื่อ 2020-06-02. สืบค้นเมื่อ 2020-05-01 .
↑ 6.0 6.1 Ma, Damien (2012-01-23). "After 20 Years of 'Peaceful Evolution,' China Faces Another Historic Moment" . The Atlantic (ภาษาอังกฤษแบบอเมริกัน). สืบค้นเมื่อ 2020-05-01 .
↑ "The inside story of the propaganda fightback for Deng's reforms" . South China Morning Post (ภาษาอังกฤษ). 2018-11-14. สืบค้นเมื่อ 2020-05-01 .
↑ 8.0 8.1 Keck, Zachary. "Tiananmen: 'Deng Xiaoping Clearly Wanted to Make a Statement' " . The Diplomat (ภาษาอังกฤษแบบอเมริกัน). เก็บ จากแหล่งเดิมเมื่อ 5 June 2014. สืบค้นเมื่อ 2021-06-05 .
↑ " 'How my father's speeches saved Chinese economic reform': Deng Xiaoping's daughter pays tribute" . South China Morning Post (ภาษาอังกฤษ). 2014-08-21. สืบค้นเมื่อ 2020-05-01 .
↑ 10.0 10.1 10.2 "The great pragmatist: Deng Xiaoping" . The Guardian (ภาษาอังกฤษแบบบริติช). 2008-12-18. ISSN 0261-3077 . สืบค้นเมื่อ 2020-05-01 .
↑ Zhao, Suisheng (1993). "Deng Xiaoping's Southern Tour: Elite Politics in Post-Tiananmen China" . Asian Survey . 33 (8): 739–756. doi :10.2307/2645086 . ISSN 0004-4687 . JSTOR 2645086 .
↑ 12.0 12.1 12.2 Walter, Carl E. (2014). "Was Deng Xiaoping Right? An Overview of China's Equity Markets" . Journal of Applied Corporate Finance (ภาษาอังกฤษ). 26 (3): 8–19. doi :10.1111/jacf.12075 . ISSN 1745-6622 . อ้างอิงผิดพลาด: ป้ายระบุ <ref>
ไม่สมเหตุสมผล มีนิยามชื่อ ":12" หลายครั้งด้วยเนื้อหาต่างกัน
↑ 13.0 13.1 13.2 Liang, Wei (2016-07-24). "邓小平92年南巡时讲话:谁反对改革就让谁睡觉去" . Phoenix New Media (ภาษาจีน). คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิม เมื่อ 2018-12-12. สืบค้นเมื่อ 2020-05-01 .
↑ 14.0 14.1 Sun, Lena H. (1992-05-28). "FLEXIBLE 'SOCIALISM' FUELS CHINESE GROWTH" . Washington Post (ภาษาอังกฤษแบบอเมริกัน). ISSN 0190-8286 . สืบค้นเมื่อ 2020-05-01 .
↑ 15.0 15.1 "广东GDP总量今年将超亚洲四小龙平均水平" . Sina Corp (ภาษาจีน). 2007-07-20. เก็บ จากแหล่งเดิมเมื่อ 2007-08-25. สืบค้นเมื่อ 2020-05-01 .
↑ 16.0 16.1 "Factsheet on the Deng Xiaoping Marker" (PDF) . National Archives of Singapore . 2010. อ้างอิงผิดพลาด: ป้ายระบุ <ref>
ไม่สมเหตุสมผล มีนิยามชื่อ ":4" หลายครั้งด้วยเนื้อหาต่างกัน
↑ 17.0 17.1 17.2 Martinek, Madeleine (2018-05-21). Experimental Legislation in China between Efficiency and Legality: The Delegated Legislative Power of the Shenzhen Special Economic Zone (ภาษาอังกฤษ). Springer. ISBN 978-3-319-77616-3 . อ้างอิงผิดพลาด: ป้ายระบุ <ref>
ไม่สมเหตุสมผล มีนิยามชื่อ ":5" หลายครั้งด้วยเนื้อหาต่างกัน
↑ 18.0 18.1 18.2 "改革开放胆子要大一些,敢于试验,不能像小脚女人一样" . People's Daily (ภาษาจีน). 2013-08-19. เก็บ จากแหล่งเดิมเมื่อ 2020-07-10. สืบค้นเมื่อ 2020-05-01 .
↑ "整个改革开放过程中都要反对腐败" . People's Daily (ภาษาจีน). 2016-06-14. เก็บ จากแหล่งเดิมเมื่อ 2020-07-11. สืบค้นเมื่อ 2020-05-01 .
↑ "对干部和共产党员来说,廉政建设要作为大事来抓" . People's Daily (ภาษาจีน). 2017-01-19. เก็บ จากแหล่งเดิมเมื่อ 2019-11-06. สืบค้นเมื่อ 2020-05-01 .
↑ Bao, Tong (2015-06-04). "鲍彤纪念六四,兼谈邓小平与中国的腐败" . The New York Times (ภาษาจีน). สืบค้นเมื่อ 2020-05-01 .
↑ Tong, Bao (2015-06-03). "Opinion | How Deng Xiaoping Helped Create a Corrupt China" . The New York Times (ภาษาอังกฤษแบบอเมริกัน). ISSN 0362-4331 . สืบค้นเมื่อ 2020-05-01 .
↑ Wang, Yuhua. "Analysis | How has Tiananmen changed China?" . Washington Post (ภาษาอังกฤษ). สืบค้นเมื่อ 2020-05-01 .
↑ "北京话题 - 南巡讲话助中国经济起飞但政治后遗症严重" . Radio France Internationale (ภาษาจีนตัวย่อ). 2012-04-02. สืบค้นเมื่อ 2020-05-01 .
↑ Wu, Wei (2014-12-22). "80年代的政治改革为什么会失败?" . The New York Times (ภาษาจีน). สืบค้นเมื่อ 2020-05-01 .
↑ 26.0 26.1 26.2 Wu, Guangxiang. "邓小平南方谈话的先声:"皇甫平"的"四论改革" " . People's Daily . เก็บ จากแหล่งเดิมเมื่อ 2020-11-11. สืบค้นเมื่อ 2020-06-04 .
↑ "Zhao Ziyang" . Radio Free Asia . สืบค้นเมื่อ 2020-05-01 .
↑ "Profile: Jiang Zemin" . BBC News (ภาษาอังกฤษแบบบริติช). 2012-10-23. สืบค้นเมื่อ 2020-05-01 .
↑ "第十三届中央委员会第五次全体会议公报" . People's Daily (ภาษาจีน). เก็บ จากแหล่งเดิมเมื่อ 2020-11-09. สืบค้นเมื่อ 2020-05-01 .
↑ 30.0 30.1 Ang, Yuen Yuen (2016). How China Escaped the Poverty Trap . Cornell University Press . ISBN 978-1-5017-0020-0 . JSTOR 10.7591/j.ctt1zgwm1j .
↑ 31.0 31.1 "The inside story of the propaganda fightback for Deng's reforms" . South China Morning Post (ภาษาอังกฤษ). 2018-11-14. สืบค้นเมื่อ 2020-06-04 .
↑ 32.0 32.1 "东方风来满眼春" . People's Daily (ภาษาจีน). 2018-03-27. เก็บ จากแหล่งเดิมเมื่อ 2020-06-04. สืบค้นเมื่อ 2020-05-02 .
↑ "邓小平92南巡背景揭秘 有两句话记者不敢见报" . Phoenix New Media . 2012-01-19. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิม เมื่อ 2019-11-06. สืบค้นเมื่อ 2020-05-01 .
↑ 34.0 34.1 " "坚决地试"中国股市发轫之端" . People's Daily (ภาษาจีน). 2004-08-23. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิม เมื่อ 2020-06-02. สืบค้นเมื่อ 2020-05-02 .
↑ 35.0 35.1 Tao, Yitao; Lu, Zhiguo (2018-10-05). Special Economic Zones and China's Development Path (ภาษาอังกฤษ). Springer. ISBN 978-981-10-3220-2 .
↑ 36.0 36.1 36.2 "邓小平南巡讲话:奠定中国证券市场发展的春天" . China Reform . 2013-12-18. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิม เมื่อ 2020-07-20. สืบค้นเมื่อ 2020-05-02 .
↑ "An old man's ups and downs in China's stock market" . Embassy of the People's Republic of China in the Republic of Kenya . คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิม เมื่อ 2020-06-04. สืบค้นเมื่อ 2020-05-02 .
↑ Iritani, Evelyn (9 September 2004). "Great Idea but Don't Quote Him; Deng Xiaoping's famous one-liner started China on the way to capitalism. The only problem is there's no proof he actually said it" . Los Angeles Times . p. A1. เก็บ จากแหล่งเดิมเมื่อ 18 November 2007. สืบค้นเมื่อ 13 March 2010 – โดยทาง Pqasb.pqarchiver.com.
↑ "The Man Who Re-Invented China | Origins: Current Events in Historical Perspective" . Ohio State University . สืบค้นเมื่อ 2020-05-01 .
↑ Liu, Zongyuan Zoe (2023). Sovereign Funds: How the Communist Party of China Finances its Global Ambitions . The Belknap Press of Harvard University Press . ISBN 9780674271913 .
↑ "邓小平同志"黑猫白猫论"背后的故事" . People's Daily (ภาษาจีน). เก็บ จากแหล่งเดิมเมื่อ 2021-01-02. สืบค้นเมื่อ 2020-05-01 .
↑ 42.0 42.1 Marquis, Christopher ; Qiao, Kunyuan (2022). Mao and markets the communist roots of Chinese enterprise . Kunyuan Qiao. New Haven: Yale University Press . ISBN 978-0-300-26883-6 . OCLC 1348572572 .
↑ Shan, Shaojie (2019-10-16). "软禁中的谈话:听赵紫阳谈改革" . The New York Times (ภาษาจีน). สืบค้นเมื่อ 2020-09-27 .
↑ "We should do more and engage less in empty talk - 1992" . International Institute of Social History . สืบค้นเมื่อ 2020-05-01 .
↑ Catrina, Schlager; Dongxiao, Chen; Alexander, Rosenplanter; Haibing, Zhang (2016-11-28). China And The Group 20: The Interplay Between A Rising Power And An Emerging Institution (ภาษาอังกฤษ). World Scientific. ISBN 978-1-938134-91-3 .
↑ Small, Andrew (2022-11-15). No Limits: The Inside Story of China's War with the West (ภาษาอังกฤษ). Melville House. p. 194. ISBN 978-1-68589-015-5 . OCLC 1352001415 .
↑ "Records of Comrade Deng Xiaoping's Shenzhen Tour" . People's Daily Online . สืบค้นเมื่อ 2022-03-31 .
↑ "Zhu Rongji on the Record" . Brookings (ภาษาอังกฤษแบบอเมริกัน). 2016-07-14. สืบค้นเมื่อ 2020-06-04 .
↑ Zhao, Suisheng (1993). "Deng Xiaoping's Southern Tour: Elite Politics in Post-Tiananmen China" . Asian Survey . 33 (8): 739–756. doi :10.2307/2645086 . ISSN 0004-4687 . JSTOR 2645086 .