การรักษาด้วยออกซิเจน หรือออกซิเจนเสริม เป็นการใช้ออกซิเจน เป็นการรักษาทางการแพทย์[ 1] ใช้ในกรณีภาวะเลือดมีออกซิเจนน้อย ความเป็นพิษคาร์บอนมอนออกไซด์ ปวดศีรษะแบบคลัสเตอร์ และการรักษาออกซฺเจนให้เพียงพอระหว่างให้ยาระงับความรู้สึกชนิดสูดดม[ 2] ออกซิเจนระยะยาวมักมีประโยชน์ในผู้ป่วยที่มีออกซิเจนต่ำเรื้อรัง เช่น จากโรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง หรือซิสติกไฟโบรซิส รุนแรง[ 3] [ 1] สามารถให้ออกซิเจนได้หลายวิธี เช่น หลอดคาจมูก หน้ากากครอบหน้า และในห้องความกดอากาศสูง[ 4] [ 5]
ออกซิเจนจำเป็นสำหรับเมแทบอลิซึมของเซลล์ปกติ[ 6] ความเข้มข้นสูงเกินสามารถทำให้เกิดภาวะพิษออกซิเจน เช่น ปอดได้รับบาดเจ็บหรือส่งผลให้การหายใจล้มเหลว ในผู้โน้มเอียงเกิดโรค[ 2] [ 7] ความเข้มข้นของออกซิเจนที่สูงขึ้นยังเพิ่มความเสี่ยงอัคคีภัย โดยเฉพาะอย่างยิ่งขณะสูบบุหรี่ และหากไม่ให้ความชื้นร่วมยังสามารถทำให้จมูกแห้ง[ 1] ความอิ่มตัวของออกซิเจนเป้าหมายที่แนะนำขึ้นอยู่กับภาวะที่กำลังรักษา[ 1] ในภาวะส่วนใหญ่ แนะนำให้ความอิ่มตัวอยู่ที่ 94-98% ขณะที่ผู้ที่เสี่ยงต่อภาวะคาร์บอนไดออกไซด์คั่งแนะนำที่ 88-92% มากกว่า และในผู้ที่มีภาวะพิษคาร์บอนมอนออกไซด์หรือหัวใจหยุด ให้ความอิ่มตัวออกซิเจนสูงสุดเท่าที่ทำได้[ 1] อากาศตรงแบบมีออกซิเจน 21% โดยปริมาตรขณะที่การรักษาด้วยออกซิเจนสามารถเพิ่มค่านี้ไปได้ถึง 100%[ 7]
การใช้ออกซิเจนในการแพทย์แพร่หลายหลังปี 1917[ 8] [ 9] อยู่ในรายการยาสำคัญขององค์การอนามัยโลก[ 10] ราคาของออกซิเจนที่บ้านอยู่ที่ประมาณ 150 ดอลลาร์สหรัฐต่อเดือนในประเทศบราซิลและ 400 ดอลลาร์สหรัฐต่อเดือนในสหรัฐ[ 3] การให้ออกซิเจนที่บ้านสามารถให้ทางถังออกซิเจนหรือเครื่องผลิตออกซิเจน (oxygen concentrator) เชื่อว่าออกซิเจนเป็นการรักษาที่ให้บ่อยที่สุดในโรงพยาบาลในประเทศพัฒนาแล้ว [ 11] [ 1]
อ้างอิง
↑ 1.0 1.1 1.2 1.3 1.4 1.5 British national formulary : BNF 69 (69 ed.). British Medical Association. 2015. pp. 217 –218, 302. ISBN 9780857111562 .
↑ 2.0 2.1 WHO Model Formulary 2008 (PDF) . World Health Organization. 2009. p. 20. ISBN 9789241547659 . เก็บ (PDF) จากแหล่งเดิมเมื่อ 13 December 2016. สืบค้นเมื่อ 8 December 2016 .
↑ 3.0 3.1 Jamison, Dean T.; Breman, Joel G.; Measham, Anthony R.; Alleyne, George; Claeson, Mariam; Evans, David B.; Jha, Prabhat; Mills, Anne; Musgrove, Philip (2006). Disease Control Priorities in Developing Countries (ภาษาอังกฤษ). World Bank Publications. p. 689. ISBN 9780821361801 . เก็บ จากแหล่งเดิมเมื่อ 2017-05-10.
↑ Macintosh, Michael; Moore, Tracey (1999). Caring for the Seriously Ill Patient 2E (ภาษาอังกฤษ) (2 ed.). CRC Press. p. 57. ISBN 9780340705827 . เก็บ จากแหล่งเดิมเมื่อ 2017-01-18.
↑ Dart, Richard C. (2004). Medical Toxicology (ภาษาอังกฤษ). Lippincott Williams & Wilkins. pp. 217–219. ISBN 9780781728454 . เก็บ จากแหล่งเดิมเมื่อ 2017-01-18.
↑ Peate, Ian; Wild, Karen; Nair, Muralitharan (2014). Nursing Practice: Knowledge and Care (ภาษาอังกฤษ). John Wiley & Sons. p. 572. ISBN 9781118481363 . เก็บ จากแหล่งเดิมเมื่อ 2017-01-18.
↑ 7.0 7.1 Martin, Lawrence (1997). Scuba Diving Explained: Questions and Answers on Physiology and Medical Aspects of Scuba Diving (ภาษาอังกฤษ). Lawrence Martin. p. H-1. ISBN 9780941332569 . เก็บ จากแหล่งเดิมเมื่อ 2017-01-18.
↑ Agasti, T. K. (2010). Textbook of Anesthesia for Postgraduates (ภาษาอังกฤษ). JP Medical Ltd. p. 398. ISBN 9789380704944 . เก็บ จากแหล่งเดิมเมื่อ 2017-05-10.
↑ Rushman, Geoffrey B.; Davies, N. J. H.; Atkinson, Richard Stuart (1996). A Short History of Anaesthesia: The First 150 Years (ภาษาอังกฤษ). Butterworth-Heinemann. p. 39. ISBN 9780750630665 . เก็บ จากแหล่งเดิมเมื่อ 2017-05-10.
↑ "WHO Model List of Essential Medicines (19th List)" (PDF) . World Health Organization . April 2015. เก็บ (PDF) จากแหล่งเดิมเมื่อ 13 December 2016. สืบค้นเมื่อ 8 December 2016 .
↑ Wyatt, Jonathan P.; Illingworth, Robin N.; Graham, Colin A.; Hogg, Kerstin; Robertson, Colin; Clancy, Michael (2012). Oxford Handbook of Emergency Medicine (ภาษาอังกฤษ). OUP Oxford. p. 95. ISBN 9780191016059 . เก็บ จากแหล่งเดิมเมื่อ 2017-01-18.